หุ้นไทยปิดร่วง 10.77 จุด ปิดต่ำสุดในรอบ 3 ปี 7 เดือน วอลุ่มหดหายหลังใช้ Uptick สกัดชอร์ตเซล และเทขายลดเสี่ยง

ดัชนี SET Index หุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,288.58 จุด ลดลง 10.77 จุด หรือ -0.83% มูลค่าซื้อขายราว 38,214.19 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบ โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,286.83 จุด ทำสถิติปิดต่ำสุดในรอบ 3 ปี 7 เดือน โดยทำจุดสูงสุดที่ 1,297.85 จุด แกว่งแดนลบซึมลงต่อ โดยปรับลงเกือบทุกกลุ่ม แม้มีมาตรการ Uptick แต่ไม่ช่วยให้แรงขายลดลง เหตุ EPS บริษัทจดทะเบียนยังต่ำและโตช้า และยังทำให้วอลุ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งนักลงทุนยังรอความชัดเจนประเด็นการเมืองในประเทศ

ในวันนี้ 2 กรกฎาคม 2567 พบว่า นักลงทุนต่างชาติกลับขายสุทธิหุ้นไทย -2,820.73 ล้านบาท ส่งผลตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันนี้ ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย -119,514.25 ล้านบาท

สำหรับ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์
1. EA มูลค่าการซื้อขาย 3,517.14 ล้านบาท ปิดที่ 11.90 บาท ลดลง 0.70 บาท
2. AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,982.64 ล้านบาท ปิดที่ 55.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
3. PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,530.66 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในแดนลบซึมตัวลงต่อเนื่อง เป็นการปรับตัวลงเกือบทุกกลุ่มในลักษณะปรับพอร์ตและขายลดความเสี่ยง แม้จะมีการบังคับใช้มาตรการ Uptick Rule ในการทำชอร์ตเซล แต่ไม่ได้ทำให้แรงขายลดลง เนื่องจากทิศทางกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนยังต่ำและขยายตัวช้า นอกจากนี้มาตรการ Uptick ยังกระทบให้ปริมาณการซื้อขายรวมลดน้อยลงชัดเจนจากการทำธุรกรรมชอร์ตที่หายไปราว 4,000 ล้านบาท

รวมทั้งนักลงทุนรอความชัดเจนประเด็นการเมืองในประเทศ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลและสัปดาห์ถัดไปเป็นคดีคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

สำหรับแนวโน้มตลาดฯพรุ่งนี้คาดซึมตัวต่อเนื่อง โดยให้แนวรับสำคัญที่ 1,280 จุด หากลงมาที่ระดับดังกล่าวมีโอกาสดีดกลับได้ โดยปัจจัยต่างประเทศนักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ และถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุดและแนวต้าน 1,296 จุด