ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,370.44 จุด ลดลง 6.13 จุด หรือ -0.45% มูลค่าซื้อขาย 49,685.70 ล้านบาท ดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน โดยทำจุดต่ำสุด 1,366.85 จุด และสูงสุดที่ 1,378.36 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. LH มูลค่าการซื้อขาย 2,182.85 ล้านบาท ปิดที่ 6.75 บาท ลดลง 0.30 บาท
2. NEX มูลค่าการซื้อขาย 1,758.95 ล้านบาท ปิดที่ 4.08 บาท ลดลง 1.77 บาท
3. KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,690.27 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง โดยปัจจัยกดดันมาจากแรงขาย sell on fact หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ออกมาแล้ว โดยมีแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่งบไตรมาสแรกออกมาไม่ดี เช่น BJC และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ส่วนใหญ่งบฯออกมาไม่ดีเช่นกัน
ขณะที่ตลาดยังคงรอติดตามการายงานเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐคืนนี้ ทำให้อาจมีแรงขายลดความเสี่ยงออกมากดดันเพิ่มเติม ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน แต่ตลาดหุ้นฮ่องกงและเกาหลีใต้วันนี้ปิดทำการ
ส่วนแนวโน้มพรุ่งนี้ขึ้นกับ CPI เดือน เม.ย. ของสหรัฐ หากออกมาต่ำกว่าที่คาดว่า Core CPI จะเพิ่มขึ้น 0.3% MoM และเพิ่มขึ้น 3.6% YoY จะส่งผลบวกต่อภาพรวมของตลาดหุ้น และต้องรอติดตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐคืนนี้ โดยให้แนวต้าน 1,380 จุด แนวรับ 1,360 จุด
ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงเกือบทั้งวันเนื่องจากหมดช่วงเวลาเก็งกำไรผลประกอบการประกอบกับสุญญากาศงบประมาณที่ภาครัฐจะมีงบ เข้ามาอีกครั้งในไตรมาสสาม ทั้งหมดหมายความว่าปัจจัยระยะสั้นเริ่มหมดทำให้นักลงทุนเทขายออกมา โดยมองว่าวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค. 67) ดัชนีฯ จะเเกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,380