ดัชนี SET Index หุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,115.65 จุด ปรับลง 7.35 จุด หรือ -0.65% ด้วยมุลค่าการซื้อขาย 29,535.64 ล้านบาท โดยดัชนีแกว่งแดนลบทำจุดต่ำสุด 1,110.16 จุด และทำจุดสูงสุดที่ 1,121.37 จุด รับข่าวมาตรการภาษีสหรัฐฯ แต่ถือว่าดีกว่าคาด หลังหุ้นกลุ่มรับผลกระทบเริ่มฟื้นตัวในช่วงบ่าย อาทิ กลุ่มส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ และนิคมฯ จากมุมมองอัตราภาษีคงเดิมที่ 36% และยืดเส้นตายไปถึง 1 ส.ค. ทำให้ตลาดมีความหวังมากขึ้น
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,901.93 ล้านบาท ปิดที่ 108.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,454.94 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
3.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,284.34 ล้านบาท ปิดที่ 284.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
บลป. เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในแดนลบตอบรับมาตรการภาษีสหรัฐเป็นหลัก แต่ตลาดปิดในจุดที่สูงกว่าคาดหลังจากรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้างในภาคบ่าย เนื่องจากกลุ่มหุ้นที่ได้ผลกระทบค่อนข้างมากจากมาตรการภาษี อาทิ กลุ่มส่งออก กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ก็ต่างฟื้นตัวขึ้นในระดับที่มากน้อยแตกต่างกันไป
ปัจจัยหนุนน่าจะมาจากอัตราภาษี 36% ที่ไทยถูกเรียกเก็บ ไม่ได้มากกว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศไว้ครั้งแรก ซึ่งตลาดเคยรับรู้ไปแล้ว รวมทั้งได้ขยายเส้นตายไปเป็นวันที่ 1 ส.ค.อย่างชัดเจน ทำให้มีความคาดหวังว่าไทยจะสามารถเจรจาหาข้อสรุปกับสหรัฐได้ในระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น 3 สัปดาห์นี้
สำหรับ แนวโน้มวันพรุ่งนี้ ต้องติดตามการเจรจาการค้าของไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อจีน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศในช่วงคืนวันพรุ่งนี้ อีกทั้งการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเช็คเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล และเสนอร่างกฎหมาย หลังจากที่ได้มีการถอนร่างกฎหมายธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหรือ Entertainment Complex ไปแล้ว โดยให้กรอบแนวรับบวกลบ 1,110 จุด และแนวต้าน 1,128 จุด