ดัชนี SET หุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,138.90 จุด เพิ่มขึ้น 10.24 จุด หรือ +0.91% มูลค่าซื้อขาย 41,200 ล้านบาท โดยตลาดหุ้นไทยเด้งขึ้นชดเชยช่วงวันหยุดสงกรานต์ และภาคบ่ายดีดตัวขึ้นกว่า 10 จุดจากแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ KBANK, GULF SCC, AOT, PTTEP ได้รับ Sentiment บวกจากเศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งกว่าคาด ไตรมาส 1/68 ขยายตัวสูงถึง 5.4% ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) อายุ 10 ปีย่อตัว
โดยดัชนีช่วงเช้าแกว่งแคบๆ ก่อนจะขึ้นมาแรงในภาคบ่าย ทำจุดสูงสุด 1,142.35 จุด และจุดต่ำสุด 1,120.72 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,844.56 ล้านบาท ปิดที่ 154.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,634.97 ล้านบาท ปิดที่ 50.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,414.46 ล้านบาท ปิดที่ 66.25 บาท ลดลง 2.50 บาท
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) iระบุว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ดีดขึ้นไปกว่า 10 จุด สอดคล้องกับภาพรวมตลาดโลกในช่วงต้นสัปดาห์ (14-15 เม.ย.) ที่ปรับขึ้นไปรับปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากสหรัฐยกเว้นภาษีตอบโต้สำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนอื่นๆ เซมิคอนดักเตอร์ เป็นการชั่วคราว แต่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการช่วงสงกรานต์วันนี้จึงขึ้นตามา ทำให้ภาพสวนทางภูมิภาคที่มีแรงขายทำกำไรออกมา
อีกทั้งหุ้นหลายตัวมีแรงซื้อกลับหลังจากราคาลงไปมากแล้ว อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มอิงเศรษฐกิจโลก อาทิ ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งมองโอกาสคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนเม.ย.นี้ ขณะที่มีแรงขายทำกำไรในหลายกลุ่มสลับออกมา โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ เช่น SCB , KTB ที่ขึ้น XD
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ แต่อาจจะขึ้นไปได้ไม่มาก เพราะภาพรวมการลงทุนยังอยู่ในโหมดระมัดระวังแม้จะผ่อนคลายเรื่องภาษีสหรัฐลงบ้าง แต่ยังมีภาพของสหรัฐหาแนวร่วมสกัดกั้นสินค้าจากจีน ขณะที่ไทยทำได้ลำบาก เพราะภาพเศรษฐกิจไทยอิงกับเศรษฐกิจจีนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะท่องเที่ยว และปิโตรเคมี
และยังต้องติดตามธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทย และแม้กลุ่มธนาคาร Valuation ไม่แพง แต่ก็ยังต้องระวัง GDP ไทยที่มีโอกาสถูกปรับลงมาที่ 2% หรือต่ำกว่านั้น จะกระทบต่อการขยายตัวของสินเชื่อ ทำให้ตลาดหุ้นภาพรวมยังเป็นขาลง พร้อมให้แนวต้าน 1,155 จุด แนวรับ 1,120 จุด