ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทย ปิดวันนี้อยู่ที่ 1,188.41 จุด ร่วงลง 15.31 จุด หรือ -1.27% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 44,967.19 ล้านบาท โดยดัชนีฯ ผันผวนในทิศทางปรับตัวลงตลอดทั้งวัน ทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,211.21 จุด จุด ต่ำสุดอยู่ที่ 1,185.73 จุด
3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. DELTA ราคาปิด 71.25 บาท ลดลง 6.00 บาท หรือ ลบ 7.77% มูลค่าซื้อขาย 2,669.11 ล้านบาท
2. ADVANC ราคาปิด 271.00 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ ลบ 1.81% มูลค่าซื้อขาย 2,276.75 ล้านบาท
3. BBL ราคาปิด 148.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ ลบ 1.98% มูลค่าซื้อขาย 1,970.40 ล้านบาท
บล. ทิสโก้ เปิดเผยว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดปรับตัวลดลงได้แก่ ความผิดหวังจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เป็นปัจจัยสำคัญประการแรก รวมทั้ง หุ้นเดลต้า ยังคงสร้างความผันผวนให้กับตลาด ส่งผลกระทบต่อดัชนีประมาณ 6 จุด และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการขึ้นภาษีของทรัมป์ โดยเฉพาะกรณีการขึ้นภาษีกับเม็กซิโกในวันที่ 4 มีนาคม
อีกทั้งความเสี่ยงจากสงครามการค้า หลังจากมีรายงานว่าจีนเตรียมตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ มากที่สุด
อีกทั้งการโต้ตอบทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เป็นกลยุทธ์ของแต่ละฝ่ายที่พยายามสร้างผลกระทบต่ออีกฝ่าย โดยทรัมป์มีแนวโน้มจะขึ้นภาษีอีก 10% จากที่ขึ้นไปแล้ว ซึ่งจีนก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือ และการที่ทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบจะนำไปสู่การเจรจาในที่สุด
ทั้งนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในโซนแนวรับสำคัญที่ 1,180-1,200 จุด แต่มีความเป็นห่วงว่าอาจจะหลุดแนวรับนี้ได้ เนื่องจากดัชนียังไม่สามารถยืนเหนือ 1,200 จุดได้อย่างยั่งยืน ขณะที่แนวต้านที่ 1,215-1,230 จุด โดยเฉพาะที่ 1,215 จุด
ส่วนแนวโน้มในวันพรุ่งนี้ จับตาการประกาศขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์