บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้ (2-6 ธ.ค.)ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,415 และ 1,400 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,435 และ 1,445 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนพ.ย. ตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. ของยูโรโซน
ดัชนีหุ้นไทยทยอยปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ แม้ในระหว่างสัปดาห์จะมีปัจจัยบวกจากตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.ของไทยที่ขยายตัวดีกว่าคาด ทั้งนี้ปัจจัยที่กดดันดัชนีหุ้นไทย ได้แก่ แรงขายเพื่อปรับพอร์ตตามการปรับ MSCI Rebalance ซึ่งมีผลในวันที่ 25 พ.ย. 2567 แรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกหลังสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและเลบานอนคลี่คลายลง ตลอดจนความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ระบุว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดาและจีน
โดยดัชนีหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องจนถึงช่วงท้ายสัปดาห์ โดยมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
สำหรับในวันศุกร์ที่ 29 พ.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,427.54 จุด ลดลง 1.30% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,056.75 ล้านบาทลดลง 3.05% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.58% มาปิดที่ระดับ 320.69 จุด