ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงแรก ก่อนจะทยอยปรับตัวขึ้นจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคก่อนการประชุมเฟด ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อคืนหุ้นไทยจากนักลงทุนหลังดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องหลายสัปดาห์ โดยแรงซื้อหลัก ๆ อยู่ในกลุ่มแบงก์ จากความคาดหวังเรื่องเงินปันผลก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งในระหว่างสัปดาห์ก็มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการประกาศจ่ายเงินปันผลกรณีพิเศษของแบงก์ใหญ่แห่งหนึ่ง รวมถึงกลุ่มพลังงานจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น
ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมาตามแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งและบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่แห่งหนึ่งก่อนขึ้นเครื่องหมาย SP ตามขั้นตอนของการควบรวมกิจการ ก่อนจะขยับขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์โดยยังคงมีแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่มแบงก์และพลังงานเข้ามาหนุน
เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มี.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,186.61 จุด ปรับขึ้น 1.09% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 41,942.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.15% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.17% มาปิดที่ระดับ 246.58 จุด
ส่วนแนวโฯ้มสัปดาห์นี้ (24-28 มี.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,165 และ 1,155 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,200 และ 1,210 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมี.ค. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (final) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนมี.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนกำไรบริษัทอุตสาหกรรมเดือนก.พ. ของจีน