ดัชนี SET หุ้นไทย ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 1,113.58 จุด ลดลง 0.91 จุด หรือ -0.08% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 27,494.32 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,119.13 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,112.25 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1.PTTEP ราคาปิด 110.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.79% มูลค่าซื้อขาย 2,440.25 ล้านบาท
2.ADVANC ราคาปิด 282.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง 0.00 บาท หรือ 0.00% มูลค่าซื้อขาย 1,806.95 ล้านบาท
3.AOT ราคาปิด 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.59% มูลค่าซื้อขาย 1,744.53 ล้านบาท
โดย บล. ลิเบอเรเตอร์ ระบุหุ้นไทยยังคงเผชิญสภาวะปริมาณการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่องที่ระดับประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบแคบระหว่าง 1,110-1,115 จุด บวกลบเพียง 5 จุด จากระดับเปิด สะท้อนความลังเลของนักลงทุนท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประการ เนื่องมาจากสถานการณ์ตะวันออกกลางที่ยังคงคลุมเครือแม้จะมีข่าวว่าอิหร่านอาจถอยหนึ่งก้าวและพยายามกลับมาเจรจากับสหรัฐอเมริกาในเรื่องนิวเคลียร์ แต่ฝั่งอิสราเอลยังไม่ยอมขนาดนั้น รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่มีการเคลื่อนไหวแบบผันผวน เมื่อคืนมีจังหวะย่อลง แต่เช้าวันนี้กลับมีจังหวะดีดกลับขึ้น
อีกทั้งยังมีปัจจัยการเมืองภายในประเทศกดดัน โดยเฉพาะประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ท่ามกลางสภาวะตลาดที่เบาบาง กลุ่มหุ้นท่องเที่ยวกลับเป็นจุดเด่นของวันนี้ จากการที่รัฐบาลเริ่มเปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”
ส่วนแนวโน้มตลาดพรุ่งนี้ยังต้องรอปัจจัยบวกที่ชัดเจนเพื่อสร้างโมเมนตัมให้ตลาด ปัจจัยที่ต้องจับตาในระยะข้างหน้า ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในช่วงกลางคืนวันพุธ ความชัดเจนทางการเมืองทั้งเรื่องสงครามการค้า สงครามตะวันออกกลาง และการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในประเทศ รวมถึงการรอปัจจัยปลดล็อกที่ชัดเจนเพื่อยกระดับปริมาณการซื้อขายให้กลับมาสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้มองแนวรับที่ 1,100-1,110 จุด และแนวต้านที่ 1,130 จุด
