หุ้น THAI ปิดเทรดวันแรกที่ 10.50 บาท สูงขึ้น 7.18 บาท หรือเพิ่มขึ้น 216.27% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5,215.79 ล้านบาท โดยเปิดเทรดที่ 10.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 11.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.55 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุว่า บมจ.การบินไทย (THAI) กลับมาอย่างแข็งแกร่งหลังจากประสบความสำเร็จในการออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการที่ดำเนินมานานถึง 4 ปี เราเริ่มต้นการวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 10.40 บาท โดยมีปัจจัยหนุนจากสภาพแวดล้อมด้านอุปสงค์ที่เอื้ออำนวย ความสามารถในการรักษาระดับรายได้ต่อผู้โดยสารโครงสร้างงบดุลที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการขยายฝูงบินอย่างมีวินัย ฐานปฏิบัติการหลักของ THAI ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 22% ทำให้บริษัทมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการเติบโตของการเดินทางระหว่างประเทศ และการแข่งขันที่จำกัดในกลุ่มสายการบินบริการเต็มรูปแบบที่ไม่มีเที่ยวบินตรง และสายการบินต้นทุนต่ำ (LCC)
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. การบินไทย [THAI] เปิดเผยว่า หุ้น THAI กลับมาเปิดการซื้อขายวันแรกด้วยราคา 10.50 บาท เป็นที่น่ายินดีและดีกว่าคาดเล็กน้อย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นใจต่อบริษัทที่กลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง และเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ THAI ได้กลับเข้ามาวันที่ SET ฟื้นขึ้นมาแตะ 1,200 จุด จากที่ลงไปอยู่ 1,000 จุด รวมถึง มองว่าหุ้น THAI เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนแบบ Value Investor คาดวันหนึ่งจะกลับเข้าไปอยู่ใน SET50 ได้
ทั้งนี้ บริษัทสามารถทำรายได้ทะลุเป้าในไตรมาส 1/68 และ 2/68 แล้ว ขณะที่ครึ่งปีหลัง มียอดจองที่นั่งล่วงหน้าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ผลประกอบการทั้งปีถึงเป้าแน่นอน แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี ถึงแม้ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลง แต่เป้าหมายผู้โดยสารหลักของ THAI เป็นกลุ่มผู้เดินทางเพื่อธุรกิจในเส้นทางระยะไกล มีนักท่องเที่ยวเป็นส่วนน้อย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน และทาง THAI เองก็มีกำไรมาตลอด 10 ไตรมาสที่ผ่านมาติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นช่วง high หรือ low season
อย่างไรก็ตาม มองว่าการบริหารจัดการของ THAI ในวันนี้ที่สามารถทำได้ดีแล้ว แต่บริษัทยังขาดแคลนเครื่องบิน ซึ่งถึงแม้รัฐบาลไทยจะมีดีลการค้ากับสหรัฐฯ ที่ระบุไว้ว่าไทยต้องนำเข้าเครื่องบินโบอิ้ง แต่การตัดสินใจซื้อเครื่องบินสุดท้ายแล้วจะขึ้นอยู่กับบริษัท ไม่มีแรงกดดันทางการเมืองใด ๆ รวมถึง การนำเข้าเครื่องบินไม่ว่าจะมาจากผู้ผลิตประเทศใดก็ตาม ทาง BOI ก็จะยกเว้นภาษีนำเข้าให้อยู่แล้ว โดยบริษัทจะจัดหาเครื่องบินเข้าร่วมฝูงบินให้ได้ถึง 150 ลำภายในปี 2576 สัดส่วนคิดเป็นโบอิ้งและแอร์บัส 60:40 เพื่อช่วยผลักดันรายได้ทะลุ 4 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย ซึ่งจะรวมทั้งแผนเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในสนามบินสุวรรณภูมิเป็น 35% จาก 26% ภายในปี 72 ด้วย
สำหรับโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภานั้น THAI ได้รับจดหมายเชิญจากสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบริษัทยินดีเข้าร่วมลงทุน และต้องยื่นข้อเสนอภายในสิ้นเดือนก.ย. คาดว่ามูลค่าลงทุนรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท และน่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 70
โดยตอนนี้ก็ได้หารือกับ บมจ.การบินกรุงเทพ [BA] ซึ่งจะมาร่วมลงทุนในพื้นที่โครงการ MRO ด้วยกัน รูปแบบอาจจะเป็นการใช้พื้นที่ร่วมกัน จากพื้นที่ทั้งสิ้น 220 ไร่ โดย BA อาจจะใช้พื้นที่ประมาณ 30 ไร่ และส่วนที่เหลือจะเป็นของ THAI ทั้งหมด เนื่องจากฝูงบินที่ใหญ่กว่า แต่ทั้งนี้ก็สามารถใช้งานโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ร่วมกันได้
ด้าน นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการของ THAI กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้อาจจะมีข้อติดขัดจากการเร่งซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบิน ทำให้เครื่องบินจำนวนหนึ่งต้องหยุดบินและใช้เวลาซ่อมนานกว่าที่ควร ทำให้ไม่สามารถเพิ่มฝูงบินในปีนี้ได้ แต่นอกเหนือจากนั้น ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่ โดยปี 69 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นแน่นอน จากจำนวนเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
ส่วนเงินปันผลนั้น นายชาย กล่าวว่า ถ้าหากบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเป็นบวก ก็จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนได้ โดยอย่างต่ำจะคิดเป็น 25% ของกำไรสุทธิ