บิ๊กลอตส์ (Big Lots) เครือข่ายห้างโมเดิร์นเทรดขายปลีกลดราคาชื่อดังแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เตรียมปิด 963 สาขาที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน หลังจากที่ไม่สามารถขายสินทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งตามแผนหารายได้ในช่วงบริษัทล้มละลาย และมีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องปิดกิจการสมบูรณ์แบบ สาเหตุจากไม่สามารถที่จะปิดการขายสินทรัพย์ทั้งหมดได้ครบสมบูรณ์ให้กับเน็กซ์ซัส แคปปิตอล แมเนจเม้นท์ ภายในกันยายนได้ การปิดสาขาทั้ง 963 สาขาจะส่งผลให้พนักงานระดับทำงานและระดับบริหารรวมกันมากกว่า 555 คนตกงาน ที่สำคัญ จะมีการปลดประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอคนปัจจุบัน รวมถึงผู้บริหารระดับกลางที่สำนักงานใหญ่ด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา บิ๊กลอตส์ยื่นต่อศาลล้มละลายเพื่อประกาศสถานะธุรกิจล้มละลาย และขอพิทักษ์ทรัพย์สินตามมาตรา 11 ในสหรัฐอเมริกา ในช่วงการยื่นประกาศสถานะล้มละลายดังกล่าวนั้น บิ๊กลอตส์ 300 สาขาจากทั้งหมด 1,400 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนกระทั่งมาถึงวันที่ 30 กันยายน บิ๊กล็อตส์ ปิดกว่า 300 สาขา หรือคิดเป็นกว่า 25% ของจำนวนสาขาที่มีอยู่ในสหรัฐอเมริกา
สาเหตุที่บิ๊กลอตส์ ซึ่งเปิดดำเนินการมาเป็นเวลา 57 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1967 เป็นต้นมานั้น ต้องประกาศล้มละลายเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาซบเซา ภาวะเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยมีต้นทุนที่แพงในช่วงทศวรรษ นอกจากนี้ผู้บริโภคชาวอเมริกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้จ่ายตามปัจจัยร่วมทางเศรษฐกิจลุมเล้า โดยเฉพาะจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าที่คุ้มค่าเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อสินค้าที่มีราคาถูก หรือสินค้าที่จัดโปรโมชั่นลดราคา
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ พบว่าบิ๊กลอตส์ มียอดขายรวมตกต่ำลงถึง -10% ในขณะเดียวกัน มีตัวเลขขาดทุนรวม 205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 7,093 ล้านบาท ในขณะที่ตั้งแต่ต้นปีนี้มาจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของบิ๊กล็อตส์ดำดิ่งถึง 90%