อดีตผู้บริหารระดับสูงกูเกิ้ลในสหรัฐ ชี้มนุษย์แรงงานและออฟฟิศเตรียมเจอนรกใน 15 ปีจากนี้ไป พ้นปี 2040 เข้ายุคยูโทเปีย สิ้นสุดยุค 2020 สิ้นสุดมนุษย์หวังพึ่งเงินเดือน

อดีตผู้บริหารระดับสูงกูเกิ้ลในสหรัฐ ชี้ มนุษย์แรงงานและออฟฟิศ เตรียมเจอนรกใน 15 ปีจากนี้ไป พ้นปี 2040 เข้ายุคยูโทเปีย สิ้นสุดยุค 2020 สิ้นสุดมนุษย์หวังพึ่งเงินเดือน

นายโม กอว์ดัต อดีตประธานฝ่ายธุรกิจ อัลฟาเบธหรือกูเกิ้ล และเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ ปัจจุบันเป็นนักเขียน และนักพูดชื่อดัง กล่าวกับสื่อบิสสิเนส อินไซเดอร์ (Business Insider) ซึ่งเป็นสื่อด้านเนื้อหาบริหารจัดการธุรกิจชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา ว่า ภาวะการตกงานจะเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจะมากขึ้น และความวุ่นวายทางสังคมมีเป็นวงกว้างจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง ในอีก 15 ปีจากนี้ไปจะเป็นเหมือนนรก ก่อนที่มนุษย์ทำงานจะไปถึงสวรรค์

ดูตัวอย่างจากบริษัทของนายโม กอว์ดัต อายุ 58 ปี ที่ตั้งขึ้นมาพัฒนาเอไอ ในทุกวันนี้ใช้พนักงานแค่ 3 คน หากเป็นในอดีต บริษัจะทพัฒนาโปรแกรมต่างๆ จะต้องใช้นักเขียนโปรแกรมมากถึง 350 คน แม้แต่คนทำสื่อโซเชียล เช่น สื่อพอดแคสท์ ก็จะถูกแทนที่ด้วยเอไอเช่นกัน

อดีตประธานฝ่ายธุรกิจ อัลฟาเบธหรือกูเกิ้ล และเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ กล่าวต่อไปว่า ทั่วโลกเดินทางมาถึงยุคสิ้นสุดของมนุษย์งานสายออฟฟิศที่พึ่งรายได้จากเงินเดือน ความชัดเจนของยุคดังกล่าวจะเริ่มต้นขึ้นภายในช่วงปลายทศวรรษ 2020 นี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านโครงสร้างการทำงานของสังคม

ในอดีตผ่านมา การปฏิวัติด้านเทคโนโลยีสร้างผลกระทบต่อมนุษย์แรงงานที่อยู่ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นหลัก แต่คลื่นการปฏิวัติเทคโนโลยีในรอบปัจจุบันที่เป็นยุคเอไอนี้ จะสร้างผลกระทบพุ่งไปยังมนุษย์แรงงานระดับกลางที่มีการศึกษา และเป็นกลุ่มชนชั้นกลางในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในยุคกว่า 20-30 ปีผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

นายโม กอว์ดัต อดีตประธานฝ่ายธุรกิจ อัลฟาเบธหรือกูเกิ้ล และเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และมีสถานะเศรษฐีตั้งแต่อายุได้ 29 ปี เปิดเผยต่อไปว่า เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่อันตราย สิ่งสำคัญที่สุด คือ หากไม่มีการกำกับดูแลเทคโนโลยีเอไอจากรัฐบาลอย่างเหมาะสม เทคโนโลยีดังกล่าวจะยิ่งสร้างความมั่งคั่ง และสร้างอำนาจให้กับกลุ่มคนที่ครอบครอง หรือควบคุมระบบเหล่านี้ ท่ามกลางแรงงานนับหลายล้านคนจะต้องดิ้นรนหาที่ทาง หรืออนาคตของตัวเองในเศรษฐกิจยุคใหม่

นอกเหนือจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ยังคาดการณ์ต่อไปว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อสังคมในวงกว้างอีกด้วย การใช้เอไอจะจุดชนวนให้เกิดความไม่สงบทางสังคมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะสังคมที่มีความเปราะบางด้านการศึกษา มนุษย์แรงงานถึงมนุษย์พนักงานเลี่ยงไม่พ้นที่ต้องตกงาน ไม่มีอาชีพ รวมถึงเกิดแรงกดดันกับการใช้ชีวิต ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น ความเหงามีมากขึ้น และความแตกแยกในสังคมที่ลึกยิ่งขึ้น

กอว์ดัต คาดการณ์ว่า ถึงแม้สภาพนรกที่จะเกิดขึ้นใน 15 ปีข้างหน้า แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าว จะตามมาด้วยยุคยูโทเปีย ซึ่งจะเริ่มขึ้นหลังปี 2040 ผู้คนทั่วไปไม่ต้องทำงานซ้ำซากจำเจอีกต่อไป มนุษยชาติควรเปลี่ยนจากการยึดติดกับ วิธีคิด และวิถีการใช้ชีวิตการบริโภคนิยมและความโลภไปสู่การขับเคลื่อนด้วยความรัก และชุมชน

สำหรับทางออก หรือการปรับตัวกับอนาคตนั้น ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกฝ่ายสังคมตั้งแต่วันนี้ ผลลัพธ์ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเรื่องการกำกับดูแล การเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม และมีโปรแกรมด้านศีลธรรมให้เข้ากับระบบอัลกอริทึมของเอไอ สิ่งสุดท้ายที่มนุษยชาติอาจฝากไว้ คือการที่เราสามารถปรับตัว จินตนาการใหม่ และทำให้โลกยุคใหม่กลับมามีความเป็นมนุษย์อีกครั้ง

ทั้งนี้ นายดาริโอ อาโมเดอี ซีอีโอของบริษัท Anthropic เตือนว่าอาจเกิด “การล้มตายของแรงงานออฟฟิศ” โดยคาดว่าในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า งานสายออฟฟิศระดับเริ่มต้นอาจหายไปถึงครึ่งหนึ่ง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles