นายโม กอว์ดัต อดีตประธานฝ่ายธุรกิจ อัลฟาเบธหรือกูเกิ้ล และเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ ปัจจุบันเป็นนักเขียน และนักพูดชื่อดัง กล่าวกับสื่อบิสสิเนส อินไซเดอร์ (Business Insider) ซึ่งเป็นสื่อด้านเนื้อหาบริหารจัดการธุรกิจชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา ว่า ภาวะการตกงานจะเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจะมากขึ้น และความวุ่นวายทางสังคมมีเป็นวงกว้างจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง ในอีก 15 ปีจากนี้ไปจะเป็นเหมือนนรก ก่อนที่มนุษย์ทำงานจะไปถึงสวรรค์
ดูตัวอย่างจากบริษัทของนายโม กอว์ดัต อายุ 58 ปี ที่ตั้งขึ้นมาพัฒนาเอไอ ในทุกวันนี้ใช้พนักงานแค่ 3 คน หากเป็นในอดีต บริษัจะทพัฒนาโปรแกรมต่างๆ จะต้องใช้นักเขียนโปรแกรมมากถึง 350 คน แม้แต่คนทำสื่อโซเชียล เช่น สื่อพอดแคสท์ ก็จะถูกแทนที่ด้วยเอไอเช่นกัน
อดีตประธานฝ่ายธุรกิจ อัลฟาเบธหรือกูเกิ้ล และเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ กล่าวต่อไปว่า ทั่วโลกเดินทางมาถึงยุคสิ้นสุดของมนุษย์งานสายออฟฟิศที่พึ่งรายได้จากเงินเดือน ความชัดเจนของยุคดังกล่าวจะเริ่มต้นขึ้นภายในช่วงปลายทศวรรษ 2020 นี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านโครงสร้างการทำงานของสังคม
ในอดีตผ่านมา การปฏิวัติด้านเทคโนโลยีสร้างผลกระทบต่อมนุษย์แรงงานที่อยู่ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นหลัก แต่คลื่นการปฏิวัติเทคโนโลยีในรอบปัจจุบันที่เป็นยุคเอไอนี้ จะสร้างผลกระทบพุ่งไปยังมนุษย์แรงงานระดับกลางที่มีการศึกษา และเป็นกลุ่มชนชั้นกลางในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในยุคกว่า 20-30 ปีผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
นายโม กอว์ดัต อดีตประธานฝ่ายธุรกิจ อัลฟาเบธหรือกูเกิ้ล และเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และมีสถานะเศรษฐีตั้งแต่อายุได้ 29 ปี เปิดเผยต่อไปว่า เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่อันตราย สิ่งสำคัญที่สุด คือ หากไม่มีการกำกับดูแลเทคโนโลยีเอไอจากรัฐบาลอย่างเหมาะสม เทคโนโลยีดังกล่าวจะยิ่งสร้างความมั่งคั่ง และสร้างอำนาจให้กับกลุ่มคนที่ครอบครอง หรือควบคุมระบบเหล่านี้ ท่ามกลางแรงงานนับหลายล้านคนจะต้องดิ้นรนหาที่ทาง หรืออนาคตของตัวเองในเศรษฐกิจยุคใหม่
นอกเหนือจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ยังคาดการณ์ต่อไปว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อสังคมในวงกว้างอีกด้วย การใช้เอไอจะจุดชนวนให้เกิดความไม่สงบทางสังคมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะสังคมที่มีความเปราะบางด้านการศึกษา มนุษย์แรงงานถึงมนุษย์พนักงานเลี่ยงไม่พ้นที่ต้องตกงาน ไม่มีอาชีพ รวมถึงเกิดแรงกดดันกับการใช้ชีวิต ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น ความเหงามีมากขึ้น และความแตกแยกในสังคมที่ลึกยิ่งขึ้น
กอว์ดัต คาดการณ์ว่า ถึงแม้สภาพนรกที่จะเกิดขึ้นใน 15 ปีข้างหน้า แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าว จะตามมาด้วยยุคยูโทเปีย ซึ่งจะเริ่มขึ้นหลังปี 2040 ผู้คนทั่วไปไม่ต้องทำงานซ้ำซากจำเจอีกต่อไป มนุษยชาติควรเปลี่ยนจากการยึดติดกับ วิธีคิด และวิถีการใช้ชีวิตการบริโภคนิยมและความโลภไปสู่การขับเคลื่อนด้วยความรัก และชุมชน
สำหรับทางออก หรือการปรับตัวกับอนาคตนั้น ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกฝ่ายสังคมตั้งแต่วันนี้ ผลลัพธ์ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเรื่องการกำกับดูแล การเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม และมีโปรแกรมด้านศีลธรรมให้เข้ากับระบบอัลกอริทึมของเอไอ สิ่งสุดท้ายที่มนุษยชาติอาจฝากไว้ คือการที่เราสามารถปรับตัว จินตนาการใหม่ และทำให้โลกยุคใหม่กลับมามีความเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ทั้งนี้ นายดาริโอ อาโมเดอี ซีอีโอของบริษัท Anthropic เตือนว่าอาจเกิด “การล้มตายของแรงงานออฟฟิศ” โดยคาดว่าในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า งานสายออฟฟิศระดับเริ่มต้นอาจหายไปถึงครึ่งหนึ่ง