วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “Thailand’s Next Frontier: A Notional Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่” โดยระบุว่า ระยะเวลา 1 เดือน ที่ได้ทำงานบรรลุตามเป้าหมายอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีเวลาเพียง 4 เดือนในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยก่อนหน้าได้เตรียมการและวางแผนกรอบการทำงานไว้ เพื่อให้การทำงาน 4 เดือน เป็นเวลาที่มุ่งมั่นทำงานอย่างเดียว โดยสิ่งที่ทำได้ก่อนจะเร่งทำอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องไหนที่ยังทำไม่ได้ก็ต้องรอรัฐบาลใหม่
ซึ่ง 3 สิ่งที่โฟกัสที่สุดที่อยากทำให้สำเร็จ เรื่องแรก คือการยุบสภาวันที่ 31 มกราคม 2569 เรื่องที่สองคือเรื่องปากท้องของประชาชน และที่ทำสำเร็จแล้ว โครงการคนละครึ่ง พลัส ซึ่งเป็นนโยบายที่เกิดขึ้นจริงภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริง นอกจากนี้จะผลักดันคนละครึ่ง พลัส เฟส 2 เพื่อเกิด After Shock ภายในเดือนธันวาคม 2568 ส่วนเรื่องที่สามการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และเรื่องของลดค่าโดยสารขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้
ในบริบท 4 เดือนที่ได้สัญญาไว้กับพรรคประชาชนตาม MOA การเข้ามาเป็นรัฐบาลได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาชนว่า เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้น การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยเห็นพ้องกันว่า “ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไม่น่าจะมีอำนาจยุบสภา” ฉะนั้นต้องมีวิธีที่จะดำเนินการให้มีการยุบสภา และขณะนั้นพรรคประชาชนไม่มี candidate นายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้ที่เหลือก็มีอยู่ไม่กี่คน และมีพรรคที่เห็นพ้องต้องกันว่ายุบสภาเพื่อไปเลือกตั้งคืนอำนาจให้กับประชาชน จึงเป็นที่มาของ MOA ดังกล่าว
“ยืนยันว่ากำหนดเวลายังเป็นไปตาม Timeline เดิม ไม่เปลี่ยนความคิด ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีหลายฝ่ายเข้ามาเตือนหรือคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจกลายเป็นข้ออ้างให้เลื่อนการยุบสภาออกไป แต่ยืนยันว่าจะไม่ปฏิบัติตามแน่นอน ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน เมื่อครบ 4 เดือน จะมีการยุบสภา ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ก็ตาม”
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า การทำงานของรัฐบาลช่วง 4 เดือน ยืนยันว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี และทีมงานได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ทีมรัฐมนตรีที่เชิญเข้ามาเป็นผู้มีความสามารถ มืออาชีพ และมีความเสียสละ เพื่อมาช่วยบริหารประเทศ หากทุกคนร่วมกันเปลี่ยนบริบทของประเทศไทย สร้างมาตรฐานใหม่ในการบริหารราชการ และมุ่งทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ความหวังและความเชื่อมั่นของประชาชนสามารถกลับคืนมาได้ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันด้วยความตั้งใจจริง