นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA กล่าวถึงราคาทองที่ผันผวนในขณะนี้ ทุบสถิติอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะสัปดาห์นี้ที่ราคาปรับขึ้น-ลงแรง ส่วนวันนี้ยังปรับราคาลง บริษัทไม่ได้กังวลเนื่องจากถือว่า “อยู่ในการคาดการณ์” โดยนักลงทุนบางกลุ่มอาจจะมองว่าเป็นโอกาสในการเข้ามาซื้อ เพราะจากที่คาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายๆ ท่าน ก็ประเมินว่า ทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน และประเมินราคาไปว่า อาจจะถึงระดับ 60,000 บาท ซึ่งมองว่านักลงทุนก็ต้อง wait & see อย่างใกล้ชิด
ซึ่งราคาทองคำที่ผันผวนเป็นภาพสะท้อนตลาดถึงความกลัวที่เกิดขึ้น เมื่อตลาดมั่นใจ ราคาทองจะปรับลดลง ยิ่งมั่นใจมาก ก็จะปรับลงมาก และเมื่อตลาดไม่มั่นใจราคาทองจะปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของคนไทยส่วนใหญ่ ยังนิยมการเก็บออมทองด้วยการสะสมไปเรื่อยๆ มากกว่าการลงทุนระยะสั้น ดังนั้นในระยะยาวจึงเชื่อว่าราคาทองยังอยู่ในทิศทางที่ปรับขึ้นแน่นอน ทั้งนี้ บริษัท ออโรร่า ไม่ได้กังวลกับราคทองที่ผันผวน เนื่องจากมีกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ทั้งจากขาขายออก และรับชื้อเข้าจากลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และรูปแบบให้เหมาะสมกับช่วงทิศทางราคาทองขณะนั้น
สำหรับแผนธุรกิจ 3 ปี (2568–2570) ของบริษัท ภายใต้แนวคิด “Exponential Expansion” ชูยุทธศาสตร์การเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกมิติ เน้น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ Gold Jewelry Business และ Gold Financing Business เดินหน้าสู่การเป็น “ผู้นำธุรกิจร้านทองของประเทศไทย” อย่างเต็มรูปแบบ โดย ธุรกิจ Gold Jewelry Business พร้อมขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ วางแผนขยายเครือข่ายสาขา ภายใต้แบรนด์ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, AURORA Diamond และ ของขวัญ by AURORA ครอบคลุมฐานลูกค้าทุกเพศทุกวัยทั่วประเทศ จาก 488 สาขาในปี 2567 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 644 สาขาในปี 2568 และ 1,070 สาขา ภายในปี 2570
นอกจากนี้ เตรียมขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไปยังกลุ่มทอง 18K ไข่มุก และจิวเวลรี่อื่นๆ รุกสินค้ากลุ่มไฮมาร์จิ้น เนื่องจากสินค้าในกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง พร้อมมองหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่ง
สำหรับธุรกิจ Gold Financing Business มุ่งขยายพอร์ตธุรกิจธุรกิจขายฝากทอง ภายใต้แบรนด์ทองมาเงินไป ให้เติบโตก้าวกระโดด ในปี 2567 มีบัญชีลูกหนี้ขายฝาก (AR balance) ณ สิ้นงวด ปี 2567 อยู่ที่ 4,881 ล้านบาท วางเป้าในปี 2568 อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท สู่การเติบโต 20,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 ให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น และเพิ่มบริการถึงหน้าบ้าน (Delivery) ทั่วประเทศ