อังค์ถัดเตือนการลงทุนทางตรงปี 2025 หดตัวทั่วโลกแถมซบเซา 2 ปีติดกัน เซ่นพิษสงครามการค้ารวมภาษีกีดกัน การลงทุนทั่วโลกดำดิ่งเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 มูลค่าโครงการลงทุนทั่วโลกรวมกว่า 6 ล้านล้านบาทล่าช้า การควบรวมธุรกิจเอกชนตกต่ำสุดตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในรอบ 17 ปี

อังค์ถัด เตือน การลงทุน ทางตรงปี 2025 หดตัวทั่วโลกแถมซบเซา 2 ปีติดกัน เซ่นพิษสงครามการค้ารวมภาษีกีดกัน การลงทุนทั่วโลกดำดิ่งเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 มูลค่าโครงการลงทุนทั่วโลกรวมกว่า 6 ล้านล้านบาทล่าช้า การควบรวมธุรกิจเอกชนตกต่ำสุดตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในรอบ 17 ปี

การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด (UNCTAD) เป็นองค์กรภายใต้สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เปิดเผยรายงานการลงทุนทั่วโลก 2025 หรือ Global Investment Report 2025 ว่า การลงทุนระหว่างประเทศทั่วโลกในปี 2025 จะเผชิญสถานะติดลบต่อเนื่องจากในปี 2024 ที่ตกต่ำถึง -11% มีมูลค่าเหลือเพียง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 49.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากสาเหตุหลักสำคัญที่สุด คือสงครามการค้า ซึ่งรวมถึงความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าและส่งออกสินค้าทั่วโลก ถึงแม้ว่าในช่วงเริ่มต้นของปี 2025 จะเห็นความเคลื่อนไหวของการลงทุนทางตรงหรือเอฟไอดีทั่วโลกขยายตัวปานกลางก็ตาม แต่ความตึงเครียดด้านการค้าโลกกลับนำไปสู่การทบทวนตัวชี้วัดเกี่ยวกับการลงทุนทางตรง หรือเอฟดีไอทุกด้าน ได้แก่ตัวเลขจีดีพี เงินทุน ตัวเลขการส่งออกสินค้าและภาคบริการ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ ความผันผวนของตลาดการเงิน และความเชื่อมั่นด้านการลงทุน

นายริชาร์ด โบล์วจน์ หัวหน้าสายงานวิจัยการลงทุนเพื่อการลงทุนและวิสาหกิจ อังค์ถัด เปิดเผยว่า เมื่อนำตัวชี้วัดตามข้างต้นมารวมกันทั้งหมด จะพบว่าได้มีการทบทวนตัวเลขไปในทิศทางที่มีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น การขยายตัวเศรษฐกิจที่ชะลอต่ำลง การลดลงของการลงทุน นอกจากนี้ เมื่อนำการประเมินของไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก และสถาบันด้านเศรษฐกิจอิสระอื่นๆของโลก จะพบว่าสัญญาณทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมของปีนี้เป็นต้นมา แม้แต่การคาดการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับปานกลาง ที่ทุกฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมนั้นได้จางหายไปหมดแล้ว

สัญญาณการลงทุนระหว่างประเทศที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะธุรกรรมการควบรวม หรือการได้มาซึ่งธุรกิจ (Merger and Acquisition) หรือเอ็มแอนด์เอ พบว่า ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2025 นี้ ทั้งธุรกรรมเอ็มแอนด์เอ และ การก่อสร้างโครงการใหม่ ทำสถิติตัวเลขต่ำที่สุดครั้งใหม่นับตั้งแต่สมัยวิกฤตการณ์เศรษฐกิจสถาบันการเงินโลกล่มสลายในปี 2008 หรือเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า ถ้าหากสถานการณ์มีทิศทางดีขึ้น และมาตรการภาษีมีความชัดเจน แต่เป็นความยากลำบากที่จะสามารถที่จะฟื้นตัวได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้

นั่นหมายถึง มูลค่าการลงทุนทั่วโลกระหว่าง 100,000 ถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 300,000-6.6 ล้านล้านบาทตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สะท้อนออกมาในแง่โครงการต่างๆ เกิดความล่าช้าในการตัดสินใจลงทุน นั่นหมายถึงจากข้อมูลเบื้องต้นในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2025 ปรากฏชัดเจนว่า จำนวนข้อตกลงและจำนวนโครงการลงทุนลดต่ำลงทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

รายงานดังกล่าว เปิดเผยต่อไปว่า การควบรวมหรือการได้มาซึ่งกิจการระหว่างประเทศ จะอยู่ในระดับต่ำต่อไปในระยะยาว สัญญาณนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยน โครงสร้างทางธุรกิจกลับเข้าสู่ภายในประเทศ รวมถึงการปรับกลยุทธ์ การลงทุนกลับเข้ามาสู่บริเวณที่ใกล้เคียงในภูมิภาคเดียวกัน ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงด้านนโยบาย การตรวจสอบอย่างละเอียดด้านการกำกับดูแล และความไม่แน่นอนของโลก

สิ่งสำคัญต่อไปยังพบว่า การลงทุนทางตรง หรือเอฟดีไอทั่วโลกหดตัวถึง 2 ปีติดต่อกัน สะท้อนจากโครงการการเงินระหว่างประเทศ หรือไอพีเอฟ ซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดของการลงทุนทางตรงที่ไหลเข้าไปในกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดของโลกนั้น ตกต่ำต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2024 ผ่านไป ในขณะเดียวกัน มูลค่ารวมของไอพีเอฟตกต่ำลงมากถึง 26% ในปีผ่านไป ซึ่งเป็นการชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2023 อีกด้วย

ความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ และอัตราดอกเบี้ย เป็นสาเหตุที่ซ่อนอยู่ ของผลกระทบเกี่ยวกับเงื่อนไขการเงิน โดยเฉพาะมีผลกระทบต่อกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดของโลก ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องการเงินทุนดังกล่าว อังค์ถัด เตือนว่า กลุ่มประเทศที่อยู่ในชาติที่พัฒนาน้อยที่สุดของโลกจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันที่อยู่ในภาวะขาลง สรุปโดยรวมแล้วจะพบว่า การลงทุนทางตรงในประเทศที่กำลังพัฒนาอยู่ในภาวะคงที่ในปี 2024 ซึ่งมีมูลค่า 867,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 28.6 ล้านล้านบาท แต่ช่องว่างระหว่างประเทศที่ได้เทียบกับประเทศที่เสียการลงทุนทางตรงมีช่องว่างกว้างมากขึ้น

อังค์ถัด เงินปิดเผยต่อไปว่าการลงทุนทางตรง หรือเอฟซีไอในประเทศจีนต้องเผชิญกับการชะลอตัวลงต่อเนื่อง ช่วงตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา หรือมากกว่านั้น จะได้ยินรายงานการลงทุนทางตรงที่เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในประเทศจีน แต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จีนต้องเผชิญกับภาวะการลงทุนทางตรงที่ตกต่ำถึงสองปีติดต่อกัน โดยเฉพาะในปี 2024 ที่เพิ่งผ่านไปนั้นการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศที่เข้าไปในจีนดำดิ่งถึง -28% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่สำคัญถ้าหากดูข้อมูลในปีปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติการลงทุนทางตรงสูงสุดในช่วงสองปีที่แล้วของจีน จะเห็นความชัดเจนว่า การลงทุนทางตรงในจีนทรุดต่ำดิ่งลงถึง -40%

ภาวะตกต่ำของการลงทุนทางตรงในจีนไม่สามารถที่จะมองเฉพาะในด้านบริษัท หรือองค์กรภาคเอกชนต่างประเทศที่ตัดสินใจเคลื่อนย้ายฐานการลงทุน หรือฐานการผลิตออกจากประเทศจีนเท่านั้น แต่อัตราภาษีศุลกากร กำลังส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจการลงทุน รวมถึงต้นทุนการค้าระหว่างประเทศ นั่นจึงกลายเป็นจุดตัดตัดสินใจสำคัญของภาคเอกชนต่างประเทศในการมองหาจุดหมายปลายทางการลงทุนใหม่ ที่มีความได้เปรียบมากกว่าเดิม

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles