อาดิดาส (Adidas) บริษัทเจ้าของแบรนด์ชุดเสื้อผ้า รองเท้ากีฬา ชื่อดังระดับโลกจากเยอรมนี เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2023 พบว่าสร้างผลขาดทุนสุทธิ 58 ล้านยูโร หรือประมาณ 2,260 ล้านบาท ที่สำคัญ เป็นผลการดำเนินงานที่ขาดทุนครั้งแรกของอาดิดาสในรอบ 30 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1994
สาเหตุจาก อาดิดาสยกเลิกสัญญาทำการตลาดร่วมกันกับคานเย่ เวสต์ นักร้องชื่อดังระดับโลก ซึ่งมีปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ ทำให้รองเท้ารุ่นมีชื่อว่ายีซี (Yeezy) ที่ร่วมทำตลาดด้วยกันนั้น ต้องหยุดขายกระทันกันนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 เป็นต้นมา ส่งผลเกิดสินค้ารองเท้ารุ่นดังกล่าวค้างสต็อกจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ รองเท้ารุ่นยีซีสร้างผลกำไรอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านไป อาดิดาสทำรายได้จากการขายรองเท้ารุ่นยีซี่ ที่ 750 ล้านยูโร หรือประมาณ 29,200 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิที่ 300 ล้านยูโร หรือประมาณ 11,700 ล้านบาท
นายบีจอร์น กัลเดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโออาดิดาส เปิดเผยว่า ได้เร่งส่งเสริมการขายรองเท้ารุ่นรุ่นอื่นๆของแบรนด์อาดิดาส เพื่อแก้ไขปัญหาสต็อกคงค้างจำนวนมาก ทำให้รุ่นแซมบ้า และรุ่นกาเซลล์ กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ส่งผลต่อยอดขายสินค้ารองเท้ากลับมาโต 8% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2023
อย่างไรก็ตาม ซีอีโออาดิดาสยอมรับว่า ยอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกาตกต่ำมากถึง 16% ในปี 2023 โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปีผ่านไป มียอดขายที่ย่ำแย่หนักที่สุด สะท้อนจากยอดขายลดลงมากถึง 21% ขณะที่ในปี 2024 นี้ ตลาดสหรัฐอเมริกาสำหรับอาดิดาสจะยังไม่ดีขึ้น ที่สำคัญ ยอดขายในตลาดนี้มีแนวโน้มตกลงอีก 5% สาเหตุจากตลาดสินค้าสปอร์ตแวร์ หรือชุดเสื้อผ้ากีฬาในตลาดซบเซา ท่ามกลางร้านค้าปลีกยังมีสต็อกสินค้าสูงมาก
ความหวังของผลการดำเนินงานในปี 2024 จะอยู่ที่ตลาดประเทศจีน หลังจากในปี 2023 ตลาดจีนของอาดิดาสเติบโต 8% และยังมั่นใจว่าจะขยายตัวถึง 2 หลักในปีนี้ด้วย