บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาด SET ปรับลง กังวลไทยเสี่ยงถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้หลังอยู่ในกลุ่ม 15 ประเทศเกินดุลการค้าสูงสุด ทั้งยังกดดันจากทรัมป์ประกาศเก็บภาษีรถยนต์ 25% วันนี้ติดตามประชุม ครม. คาดพิจารณาโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 3, เที่ยวคนละครึ่ง และ Entertainment Complex ประเมินแนวรับที่ 1,180 – 1,170 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,195 – 1,200 จุด
ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อหลังรับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้วจนทำให้ดัชนีปรับตัวลง 15%YTD แย่สุดในตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งนี้มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย ท่าทีของธนาคารกลางทั่วโลกออกไปในทิศทาง Dovish มากขึ้น ซึ่งคาดจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนี PMI ภาคการผลิตของงสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ขณะที่ในประเทศมีปัจจัยต้องติดตามเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในวันที่ 24-26 มี.ค. ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ทั้งนี้ มอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังรับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนและการส่งสัญญาณยืดหยุ่นต่อแผนเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1.หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YoY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ 3) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้น SET50 ที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC BBL BDMS CPALL PTT ส่วนหุ้น SET100 ที่น่าสนใจ ได้แก่ AP BCH BTG
2.หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปีขึ้นไป และมี SETESG Ratings ตั้งแต่ระดับ A-AAA 2) คาดบริษัทจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ยังให้ Div. Yield สูงเกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่งและราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL SPALI KBANK
3.หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน โดยคัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YoY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Interest Coverage ratio > 1) 3) Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA แนะนำ MTC MINT AMATA BJC CPF
ปัจจัยสำตัญวันนี้ได้แก่
•นายกฯ ยืนยันยังไม่มีแนวคิดการปรับคณะรัฐมนตรีในขณะนี้ การทำงานระหว่างครม. ยังสามารถทำงานได้ด้วยดี หลังผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยคะแนนเสียงไว้วางใจจากสภาผู้แทนฯ 319 เสียง
•รมช. คลังเผยการประชุม ครม. ในวันที่ 27 มี.ค. จะเสนอร่าง พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มอำนาจให้แก่ ก.ล.ต. ในการกำกับดูแลการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อสำเร็จจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้มากขึ้น
•กกพ. มีมติเห็นชอบตรึงค่า Ft เดือน พ.ค.-ส.ค. 2568 คงเดิมที่ 36.72 สตางค์ต่อหน่วย สอดคล้องกับที่ กฟผ. เสนอหลังรวมค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย มองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ขณะที่เป็นบวกเล็กน้อยต่อ GULF
•ประธาน คกธ. การค้าของ EU ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการค้าสหรัฐฯ เพื่อเจรจาให้สหรัฐฯ ระงับการเก็บภาษีตอบโต้ที่จะมีผลในวันที่ 2 เม.ย. นี้ หลังสหรัฐฯ ขู่จะเก็บภาษีดังกล่าวต่อกลุ่มประเทศ Dirty 15 ที่เกินดุลการค้าสูงที่สุด โดยไทยติดอยู่ในโผเช่นกันในอันดับที่ 10
•Morgan Stanley ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีหุ้นจีนเป็นครั้งที่สองในปีนี้ จากการเติบโตของรายได้, เศรษฐกิจมหาภาคและเงินหยวนที่มีแนวโน้มดีขึ้น และปรับคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปี 2568 เติบโต 4.5% จาก 4.0%
•สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ สัปดาห์ก่อนลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล ผิดจากที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น ส่วนสต็อกเบนซินและดีเซลลดลง 0.42 และ 1.4 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ
•ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) พร้อมเข้าดูแลเสถียรภาพค่าเงินรูเปียห์ หลังอ่อนค่าสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 27 ปี หรือตั้งแต่วิกฤตการเงินเอเชียในปี 2541 และยืนยันว่าพื้นฐานเศรษฐกิจอินโดนีเซียยังคงแข็งแกร่ง
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ PTTEP: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นหลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านรอบใหม่ และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่ปี 2568 แม้คาดกำไรจะอ่อนแอลง YoY แต่ยังมีงบดุลที่แข็งแกร่ง (อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อทุนน้อยกว่า 0.3 เท่า) แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 120 บาท และ TRUE: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร โดย 1Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY จากการประหยัดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโต QoQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง ทั้งนี้ยังคงคาดว่าจะเห็น TRUE บันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย ปี 2568 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 1.4 หมื่นลบ. เติบโตเด่น 49%YoY