นายหง ฮ่าว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และพาร์ทเนอร์ของบริษัทโกรว์ อินเวสต์เมนต์ กรุ๊ป (Grow Investment Group) เปิดเผยว่า จีนกำลังเผชิญกับการแก้ปัญหาที่ยืดเยื้อในภาค อสังหา ริมทรัพย์ โดยอสังหาริมทรัพย์ที่ยังขายไม่ได้อาจต้องใช้เวลากว่า 10 ปีถึงจะขายหมด
โดยจากการสัมภาษณ์ ในรายการ Street Signs Asia ของสถานีโทรทัศน์ช่องซีเอ็นบีซี นายหง ระบุว่า “หากคุณพิจารณาสถานการณ์ของสินค้าคงคลังในอัตราการขายตอนนี้ จะเห็นได้ว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปีในการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคั่งค้างอยู่ในตลาด“
“และหากคุณพิจารณาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างด้วย เรายังมีพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 ล้านตารางเมตร ในอัตรานี้ อาจต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปีจึงจะขายที่อยู่อาศัยทั้งหมดได้ โดยสรุปแล้ว เราต้องใช้ระยะเวลาหลายปีสำหรับการแก้ไขปัญหา“
ทั้งนี้ การเติบโตของยอดขายบ้านและราคาบ้านยังคงซบเซา เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องรับมือกับวิกฤตหนี้ที่ทวีความรุนแรงมาตั้งแต่ปี 2563 เมื่อจีนพยายามลดภาระหนี้ของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน
มาตรการดังกล่าวเรียกว่านโยบาย “สามเส้นแดง” (Three Red Lines) ซึ่งกำหนดให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์จำกัดหนี้ให้สอดคล้องกับกระแสเงินสด สินทรัพย์ และระดับทุนของบริษัท จนส่งผลให้ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนอย่างเอเวอร์แกรนด์ และคันทรี การ์เดน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ผู้คนต้องยอมรับว่าอาจต้องใช้เวลานานขึ้นในการขายอสังหาริมทรัพย์ที่คั่งค้างอยู่ทั้งหมดออกไป พร้อมกันนี้ เราต้องหาจุดเติบโตใหม่ ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้า แทนที่จะพึ่งพาเพียงภาคอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ