อลิกซ์พาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา บริการงานวิจัยอุตสาหกรรม และธุรกิจยานยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เปิดเผยว่า เมื่อถึงปี 2023 หรือในอีก 5 ปีหน้า จะมีเพียง 15 จาก 129 แบรนด์ หรือราว 11% ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี และรถยนต์เครื่องปลั๊กอินไฮบริดในประเทศจีนเท่านั้น ที่จะมีภาวะการเงินอยู่รอด เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงมากมายบังคับให้เกิดการควบรวมกิจการ และบางค่ายรถยนต์ต้องออกจากตลาดไป
ภายในสิ้นทศวรรษนี้ ทั้ง 15 แบรนด์ที่อยู่รอดเหล่านี้ จะคิดเป็นประมาณ 75% ของตลาดรถอีวีและรถเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของจีน โดยแต่ละแบรนด์จะมียอดขายเฉลี่ยต่อปี 1.02 ล้านคัน ซึ่งไม่ได้เปิดเผยว่าทั้ง 15 แบรนด์มีแบรนด์อะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม นายสตีเฟ่น ดายเออร์ หัวหน้าฝ่ายตลาดยานยนต์เอเชีย อลิกซ์พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า การควบรวมกิจการในประเทศจีน คาดว่าจะเกิดขึ้นช้ากว่าในตลาดอื่น ๆ สาเหตุจากรัฐบาลท้องถิ่นในจีนอาจยังคงสนับสนุนแบรนด์ที่ไม่สามารถไปต่อได้ เนื่องจากแบรนด์ค่ายรถอีวีเหล่านั้น ยังมีความสําคัญต่อเศรษฐกิจระดับภูมิภาค การจ้างงาน และห่วงโซ่อุปทาน
จีนซึ่งเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกําลังเผชิญกับสงครามราคา และกําลังการผลิตส่วนเกินอย่างมาก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ ทําให้ความสามารถในการทำกำไรฝืดเคืองลง นอกเหนือจากแบรนด์ค่ายรถบีวายดี BYD และลี ออโต้ Li Auto จะพบว่า ไม่มีผู้ผลิตรถอีวีของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายใดที่ประสบความสําเร็จในการทำกำไรตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ อัตราการใช้กําลังการผลิตในโรงงานผลิตรถยนต์ของจีนลดลงเหลือเฉลี่ยที่ 50% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำสถิติต่ําที่สุดในรอบทศวรรษ และยังกดดันผลกําไรของแต่ละแบรนด์รถอีวีในจีน