ฮอนด้าลั่นเพิ่มกำลังผลิตรถยนต์ในสหรัฐถึง 90% รับยอดขายในตลาดสหรัฐอีก 2-3 ปีข้างหน้า ปรับตัวรับมือภาษีรถยนต์พุ่งขึ้น 25% ของสหรัฐ ดันต้นทุนสูงขึ้นปีละกว่า 157,000 ล้านบาท

ฮอนด้า ลั่นเพิ่มกำลังผลิตรถยนต์ใน สหรัฐ ถึง 90% รับยอดขายในตลาดสหรัฐอีก 2-3 ปีข้างหน้า ปรับตัวรับมือภาษีรถยนต์พุ่งขึ้น 25% ของสหรัฐ ดันต้นทุนสูงขึ้นปีละกว่า 157,000 ล้านบาท

ฮอนด้า มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่น และมีชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ฮอนด้าได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ ฮอนด้าในโรงงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นอีก 30% ในช่วง 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะนำไปสู่กำลังการผลิตของฮอนด้าเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 90% ของยอดขายรถยนต์ฮอนด้าในตลาดสหรัฐอเมริกา

แนวทางดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ฮอนด้าต้องการที่จะโยกย้ายฐานการผลิตรถยนต์ฮอนด้าจากประเทศแคนาดาและเม็กซิโกเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีอีก 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่ไม่ได้ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีผลมาตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2025

ในปี 2024 ที่ผ่านมาฮอนด้ามียอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวน 1.42 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็น 40% ของยอดขายรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกในปีดังกล่าว ในยอดขายรถยนต์ 1.4 ล้านคันที่ตลาดสหรัฐอเมริกานั้น มีสัดส่วนราว 70% หรือคิดเป็นจำนวน 1 ล้านคันที่ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากการที่ฮอนด้ามีโรงงานผลิตในสหรัฐอเมริกาแล้วฮอนด้ายังนำเข้ารถยนต์เป็นจำนวน 500,000 คันจากโรงงานในต่างประเทศในจำนวนดังกล่าวรวมถึงรถยนต์ฮอนด้า 300,000 คันที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศแคนาดา สำหรับฮอนด้านั้น ต้นทุนที่เกิดขึ้นจากอัตราภาษีที่เพิ่มสูงขึ้น 25% จะส่งผลให้ฮอนด้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4,570 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือกว่าปีละ 157,665 ล้านบาท

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2025 ผ่านมา ฮอนด้า มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่น และมีชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ฮอนด้าได้ตัดสินใจที่จะผลิตรถยนต์รุ่นซีวิคในเจนเนอเรชั่นต่อไปอยู่ในรัฐอินเดียน่าประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2028 ด้วยกำลังการผลิตคาดการณ์ว่าจะมีถึงปีละ 210,000 คัน แทนที่จะผลิตในประเทศเม็กซิโกเหมือนอย่างที่เคยผ่านมา

สาเหตุจากต้องการหลีกเลี่ยงต้นทุนในการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นจากมาตรการเก็บขึ้นภาษีสินค้าและชิ้นส่วนนำเข้าจากประเทศเม็กซิโก หลังจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาโดยการนำของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัดเจนในคืนผ่านมาว่า รัฐบาลสหรัฐเก็บขึ้นอัตราภาษี 25% กับประเทศเม็กซิโกมีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

สำหรับการประกาศความชัดเจนในการผลิตรถยนต์รุ่นซีวิคเจเนอเรชั่นต่อไปในประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ ถือว่าเป็นค่ารถยนต์จากต่างประเทศค่ายแรกที่ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และดำเนินทิศทางการผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน

ในปี 2024 ที่ผ่านมาค่ารถยนต์ฮอนด้ามียอดขายรถยนต์รวมในตลาดสหรัฐอเมริกา 1.4 ล้านคัน ในจำนวนดังกล่าวฮอนด้ามียอดขายรถรุ่นซีวิค ที่เป็นทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ไฮบริดรวมเป็นจำนวน 240,000 คัน ส่งผลให้รถยนต์ฮอนด้ารุ่นซีวิคถูกจัดให้กลายเป็นรถยนต์ที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ในตลาดสหรัฐอเมริการองจากรถยนต์ฮอนด้ารุ่นซีอาร์วี ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2023 พบว่ายอดขายของรถยนต์ฮอนด้ารุ่นซีวิคเติบโตสูงขึ้นถึง 21% ในปี 2024 ในตลาดสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์ของแบรนด์ฮอนด้าที่ขายในสหรัฐอเมริกานั้นคิดเป็นถึง 40% เป็นการนำเข้ารถยนต์ฮอนด้าจากประเทศเม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งมีการผลิตอยู่ในทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ฮอนด้ามีการผลิตรถยนต์ และส่งออกเป็นจำนวน 60,000 คันจากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศเม็กซิโก และแคนาดา

ทั้งนี้ประเทศเม็กซิโกเป็นที่รู้จักกันดีในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกว่า เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่มีต้นทุนต่ำของบรรดาแบรนด์รถยนต์จากค่ายญี่ปุ่น และแบรนด์อื่นๆจากทั่ว ฮอนด้าผลิตและส่งออกรถยนต์จากประเทศเม็กซิโกในสัดส่วน 80% เข้ามาทำตลาดในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของโลกเป็นรองจากตลาดรถยนต์จีน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles