ฮอนด้า มอเตอร์ จ่อลดผลิตรถยนต์มากถึง 30% หรือเกือบ 5 แสนคันในประเทศจีน

ฮอนด้า มอเตอร์ จ่อลดผลิตรถยนต์มากถึง 30% หรือเกือบ 5 แสนคันในประเทศ จีน

ฮอนด้า มอเตอร์ เปิดเผยว่า มีแผนที่จะลดกําลังการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ํามันเบนซินในประเทศจีน โดยตั้งเป้าลดผลิตลง 1 ใน 3 หรือราว 30% ของกำลังการผลิตในประเทศจีน และคิดเป็น 10% ของกำลังการผลผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลก เนื่องจากยอดขายรถยนต์ฮอนด้าที่ลดลงทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่การผลิตรถยนต์ภายในจีนทั้งหมด

นอกจากนี้ ฮอนด้า มอเตอร์จะปิดสายการผลิต 3 ใน 7 แห่งในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และปรับลดกำลังการผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่ใช้น้ำมันเบนซินจาก 1.49 ล้านคันต่อปี ลงมาอเป็น 1 ล้านคันต่อปี ส่งผลให้เป็นการตัดลดการผลิตรถยนต์ของฮอนด้าครั้งแรกในประเทศจีน และยังเป็นการตัดลดครั้งที่ใหญ่ที่สุดโดยผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นในประเทศจีนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจจีนตกต่ําในปัจจุบัน

ฮอนด้า มอเตอร์ กําลังพูดคุยกับพันธมิตรร่วมทุนการผลิตรถยนต์ของฮอนด้าในประเทศจีน ได้แก่ จีเอซี กรุ๊ป (GAC Group) และตงเฟิง มอเตอร์ กรุ๊ป (Dongfeng Motor Group) ซึ่งคาดว่าจะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเร็วที่สุดในปีนี้

การเคลื่อนไหวของฮอนด้า มอเตอร์ ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกําลังการผลิตรถยนต์ที่มากเกินไปในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศจีน เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ในจีนเพิ่มการผลิตให้เกินความต้องการของตลาด ทำให้รถยนต์ที่ผลิตในประเทศจีนราคาถูกจํานวนมากมาย และยังส่งออกรถยนต์ในราคาถูกเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในอาเซียน ทําให้การแข่งขันด้านราคารุนแรงมากขึ้นในตลาดอาเซียนที่เป็นตลาดแข็งแกร่งของผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น

แผนการลดขนาดกำลังการผลิตในประเทศจีน ทำให้เห็นถึงการถอยออกจากการขยายตัวลงทุนผลิตรถยนต์ในประเทศจีนที่เริ่มต้นไปในปี 1990 หรือเมื่อ 34 ปีผ่านมา ซึ่งจีนเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของฮอนด้า ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าที่สหรัฐอเมริกาด้วย

ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวเอ็นเอชเค ญี่ปุ่น รายงานว่าฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย เตรียมลดกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยลงมากถึง 50% ในเวลาต่อมา ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ประกาศย้ายสายการผลิตรถยนต์ทั้งหมดจากโรงงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปรวมศูนย์ผลิตเพียงแห่งเดียวที่โรงงานในจังหวัดปราจีนบุรี โดยปรับเปลี่ยนให้โรงงานที่จังหวัดอยุธยาผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ฮอนด้าเท่านั้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles