เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยรายงานผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่องการเมืองไทยในปี 2568 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,194 คน (สํารวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2568 พบว่า 55.53% มองภาพรวมการเมืองไทยตลอดปี 2568 แย่ลง มี 30.40% เหมือนเดิม และ 14.07% ดีขึ้น
ตลอดปี 2568 เรื่องใดบ้างที่ทำให้ประชาชน รู้สึกกังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมือง พบว่า การจัดการภัยพิบัติไม่เป็นระบบเช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว
67.59% เศรษฐกิจไม่ฟื้น ค่าครองชีพสูง ปัญหาปากท้อง 66.58% ความไม่โปร่งใส ปัญหาทุจริต สแกมเมอร์ 58.79% สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 58.04% และความขัดแย้งทางการเมือง 56.53%
จากการทำงานของพรรคฝ่ายรัฐบาลตลอดปี 2568 สิ่งใดมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน ปรากฎว่า แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพได้จริง 56.28% มีความสามารถในการบริหารจัดการภัยพิบัติต่าง ๆ 51.01% การบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มีผลงานเด่นชัด 47.74% โปร่งใส ตรวจสอบได้ 46.98% และดูแลความมั่นคงของประเทศได้ 45.73%
จากการทำงานของพรรคฝ่ายค้านตลอดปี 2568 สิ่งใดมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน ได้แก่ ตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา 64.07% ทำงานและอภิปรายในสภาอย่างมีประสิทธิภาพ 52.35% ยืนหยัดเพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่เกรงกลัวอิทธิพล 50.59% ผู้นำฝ่ายค้านน่าเชื่อถือ มีภาพลักษณ์ที่ดี 48.24% และสื่อสารกับประชาชนเข้าใจง่าย 42.96%
เมื่อพิจารณาความเห็นต่อพรรคการเมืองไทย พบว่ากลุ่มตัวอย่างมองว่าพรรคการเมืองยังเน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชน 59.05% เล่นเกมการเมืองกันไปมา มีความขัดแย้ง 58.29% บางพรรคดีขึ้น ตั้งใจทำงานตอบโจทย์ประชาชน 43.47% ไม่มีพรรคการเมืองใดสร้างความเชื่อมั่นได้ 40.20% และเปิดเผยข้อมูล รับฟังเสียงประชาชนมากขึ้น 37.44%
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุลิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนว่าประชาชนมองการเมืองไทยแย่ลง โดยมีปัญหาการจัดการภัยพิบัติและเศรษฐกิจเป็นตัวเร่งความกังวล ขณะที่ยังเห็นว่าพรรคการเมืองทำเพื่อประโยชน์ของตนเองมากกว่า และหากมีการเลือกตั้ง ปัจจัยขี้ขาดการตัดสินใจจะอยู่ที่ผลงานที่จับตัองได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานพื้นฐานของการบริหารประเทศ ทว่าตลอดปี 2568 ยังเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นภาพไม่ชัด และอยากเห็นผลงานจริงมากกว่าการเล่นเกมการเมืองกันไปมา
