นายแอนดรูว์ เนย์เลอร์ (Andrew Naylor) หัวหน้าภูมิภาคตะวันออกกลางและฝ่ายนโยบายสาธารณะ สภาทองคำโลก เปิดเผยว่า การเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศไทย ได้สะท้อนจากรายงาน Global Findex Report ฉบับล่าสุดของธนาคารโลกในปี 2564 ได้ระบุว่า อัตราการเข้าถึงบัญชีธนาคารสำหรับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่โดยเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 71% ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 77% ซึ่งถือว่าได้พัฒนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากเดิมซึ่งอยู่ที่ 51% ในปี2554 โดยประเทศไทยมีความก้าวหน้าในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2560 คนไทยจำนวน82% มีบัญชีธนาคาร และในปี 2564 ตัวเลขนี้ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 95.6% โดยคนไทย 67.1% มีเงินออมกับธนาคาร และ 92% ได้ดำเนินการชำระเงินผ่านทางระบบดิจิทัล ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศเอเปค (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) ที่ 82.1%, 61.4% และ 78.1% ตามลำดับ
แม้ว่าการเข้าถึงบัญชีธนาคารจะอยู่ในระดับสูง แต่ประเทศไทยก็ยังคงมีโอกาสในการพัฒนาบริการทางการเงินด้านอื่น ๆ เช่น การเข้าถึงบริการสินเชื่อของไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อยู่ที่ 30.4% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ APEC ที่38.2% เนื่องจากประชาชนยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จำกัด และกลัวการถูกปฏิเสธ สินเชื่อ โดยผลสำรวจพบว่าในปี2567 การกู้ยืมเงินนอกระบบได้เพิ่มขึ้นเป็น30% ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลเนื่องจากผู้กู้สินเชื่อนอกระบบมักต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 15% ที่กฎหมายกำหนดไว้