นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กลุ่มคาราบาว” เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวเบียร์ 2 แบรนด์ คือ คาราบาว และตะวันแดง โดยเลือกเปิดตัวสินค้าพร้อมกัน 4 รสชาติอย่างที่ไม่มีที่ไหนทำมาก่อน ประกอบด้วยแบรนด์ คาราบาว เปิดตัว 2 รสชาติ ได้แก่ Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์) และ Dunkel Beer (เบียร์ดุงเกล) ขณะที่แบรนด์ตะวันแดง เปิดตัว 2 รสชาติ ประกอบด้วย Weizen Beer (เบียร์ไวเซ่น) Rose Beer (เบียร์โรเซ่) วันนี้ พร้อมสร้างปรากฏการณ์ในตลาดเบียร์ในประเทศไทยอีกครั้ง ประกาศเปิดตัว “ตะวันแดง IPA” (เบียร์ตะวันแดงไอพีเอ) เบียร์ตัวที่ 5 ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Creative Beer เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับคนไทยให้สามารถเข้าถึงเบียร์มาตรฐานระดับโลก พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้วยการเดินทางไปค้นคว้าและคัดสรรรสชาติของเบียร์ตะวันแดง IPA ถึงประเทศต้นกำเนิด “ประเทศอังกฤษ” เป็นระยะเวลาเกือบปี จนได้เบียร์ตะวันแดง IPA ที่มีคุณภาพ และพัฒนามาเพื่อเมืองไทยโดยเฉพาะ ตอกย้ำความเป็น สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก (World Class Product, World Class Brand)
ความพิเศษในครั้งนี้ คือการเลือกเปิดตัวตะวันแดง IPA เบียร์ไอพีเอ สไตล์แปซิฟิก ครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นกับกลิ่นหอมละมุนที่ผสมผสานจากฮอปส์ 5 สายพันธุ์ ที่ผ่านการคัดสรรจากหลายประเทศ ให้รสสัมผัสที่นุ่ม ลุ่มลึก และสดชื่น เหมาะกับเมืองร้อน พร้อมอาฟเตอร์เทสขมชุ่มคอที่ลงตัว เน้นดื่มง่ายด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ 5.5% พร้อมให้ทุกคนสามารถเข้าถึงง่ายด้วยราคาที่จับต้องได้ กระป๋องเล็ก 45 บาท และกระป๋องใหญ่ 60 บาท
“การเปิดตัวเบียร์ตัวที่ 5 เราเลือกพัฒนาเบียร์ตะวันแดง IPA สไตล์แปซิฟิก ซึ่งเป็น IPA สไตล์ใหม่ มีกลิ่นหอม สดชื่น เน้นดื่มง่าย เหมาะกับเมืองร้อน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับคอเบียร์ ซึ่งมักติดภาพว่าเบียร์ IPA ต้องขมนำ และปริมาณแอลกอฮอล์สูง พร้อมเข้าไปแนะนำกับกลุ่มผู้ดื่มทั่วไปที่อาจรู้จักเบียร์ IPA แต่คิดว่าดื่มยาก ได้เข้ามาลิ้มลองเบียร์ตะวันแดง IPA ของเรามากขึ้น” นายเสถียร กล่าว
ด้าน “ช่องทางการจำหน่าย” เบียร์ตะวันแดง IPA จะปูพรมจำหน่ายในร้านค้าในเครือข่ายของกลุ่ม คาราบาว ได้แก่ CJ MORE ที่มีมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ, ร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่มีร้านค้าอยู่ทั่วประเทศ และหน่วยรถในศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 30 แห่ง ที่สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางของโมเดิร์นเทรด อาทิ Lotus’s, GO Wholesale, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, ท็อปส์, Lawson108, Foodland และ วิลล่า มาร์เก็ท รวมถึงผ่านช่องทาง On-premise ร้านอาหาร ผับบาร์ต่างๆ ภายในเดือนมีนาคม 2567 และเทรดดิชันนอลเทรดพร้อมกระจายสินค้าตรงสู่ “ตัวแทนจำหน่ายประจำพื้นที่ระดับอำเภอ” ทุกอำเภอทั่วประเทศ เพื่อทำให้สินค้าสามารถเจาะเข้าถึงร้านค้าย่อยหรือโชห่วยทั่วประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพ และรสชาติที่ดี
ตลาดเบียร์มูลค่า 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุด โดยกลุ่มคาราบาวได้ทุ่มงบลงทุนถึง 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท ด้วยเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานโลกจากเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 400 ล้านลิตร ช่วงแรกนำร่องการผลิตที่ 200 ล้านลิตร ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุด นับจากการลงทุนโรงสุราตะวันแดง1999 รวมถึงทุ่มงบการตลาดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 20 ปี โดยทั้ง 2 แบรนด์ลงเล่นในเซ็กเมนต์อีโคโนมี และสแตนดาร์ด ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดเบียร์ถึง 95% เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมในทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด 30% ในปีแรก และขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์