ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 38,521 จุด +141 จุด หรือ +0.37% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,954 จุด +11 จุด หรือ +0.23% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,609 จุด +11 จุด หรือ +0.07% ขณะที่ ดัชนีหุ้นนาสแดคยังห่างจากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 16,057 จุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2022 และสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 16,121 จุด
ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้น +1.4%, +1.4% และ +1.1% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังเป็นดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ที่ปิดเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อดันด้วย เฉพาะในเดือนมกราคมผ่านไป พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +0.88%, +1.69% และ +1.87%
สาเหตุจากนักลงทุนหวนกลับเข้าลงทุนหุ้นที่ยังไม่ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปีผ่านมา ซึ่งคาดหวังว่าจะมีแนวโน้มดี ท่ามกลางประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ 60 มินิท ว่า เฟดยังไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม และต้องระมัดระวังการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลไปถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องถึง +0.5% ทำสถิติแข็งค่ามากสุดในรอบ 3 เดือน และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้นในรอบ 1 สัปดาห์
ทั้งนึ้ ด้านตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนพฤษภาคม ปี 2024 อยู่ที่ 78% ลดลงจากเดิมที่ระดับ 92%