นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร โพสต์ข้อความในวันนี้ 27 มิถุนายน 2567 เกี่ยวการเพิ่มเติมข้อมูลสถานการณ์หนี้เสียของไทยสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ มีดังนี้
เมื่อผมได้เปิดเผยข้อมูลว่ามีการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันหรือ Preemptive Debt Restructure ในเดือนเมษายน 2567 มีจำนวน 1.3 แสนบัญชีจำนวนเงินเกือบ 9 หมื่นล้านบาท ไหนๆ ก็ไหนๆ โพสต์นี้จึงใคร่ขอรายงานเพิ่มสั้นๆ ว่าในเดือนเมษายน 2567 มีการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหาหรือปรับโครงสร้างหนี้หลังเป็นหนี้เสีย หลังเป็น NPLs เฉพาะที่มีการทำสัญญาในเดือนเมษา 2567 มีจำนวนประมาณ 1 แสนสัญญาครับ เป็นเงินประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาทครับ ตัวเลขดังตารางข้างล่างอยากจะเห็นตัวเลขการเร่งแก้ไขให้คนที่เริ่มไม่ไหวแต่ยังไม่เสีย บวก คนที่ไม่ไหวไปแล้ว เสียไปแล้ว ก็เอาตารางที่โพสต์ครั้งนี้บวกโพสต์ครั้งก่อนหน้านะครับ
จากการรวบรวมข้อมูล พบว่า บัญชีปรับโครงสร้างหนี้หลังเป็นหนี้เสียแล้วมี 100,770 บัญชี มูลค่า 57,559,682,497 บาท ขณะที่ บัญชีปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสีย มี 128,875 บัญชี มูลค่า 89,669,055,474 บาท ส่งผลให้บัญชีปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสียคิดเป็น 56% ของจำนวนบัญชีปรับโครงสร้างหนี้โดยรวมทั้งหมดที่ 229,645 บัญชี ด้านมูลค่าบัญชีปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสียคิดเป็น 61% ของมูลค่าบัญชีปรับโครงสร้างหนี้โดยรวมทั้งหมดที่ 147,228,737,971 บาท
ก่อนหน้านี้ในวันนี้เดียวกัน ผู้จัดการใหญ่เครดิตบูโร โพสต์ข้อความดังนี้
ยอดการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันที่สถาบันการเงินคนให้กู้แจ้งเข้ามาในระบบของเครดิตบูโรตั้งแต่เมษา 2567 หรือที่เรียกกันว่า DR. หรือภาษาชาวบ้านคือ การปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสีย, การปรับโครงสร้างหนี้เพื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้เสีย หรือ Preemptive Debt Restructure จำนวนที่มีการรายงานเข้ามาอยู่ที่ประมาณ 1.3 แสนบัญชีจำนวนเงินประมาณ 9 หมื่นล้านบาทนั้น
เงื่อนไขสำคัญคือวันที่ลงนามในสัญญา, ข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันหรือ DR หรือ Preemptive Debt Restructure นี้จะต้องเกิดตั้งแต่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป (เกิดก่อนหน้าถ้ามีมาก่อนไม่ให้มีการรายงาน) ความหมายแบบบ้านๆ คือ มีการตกลงปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสียในเดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไปนั้นมียอดตั้งต้นเดือนแรกที่รายงานเท่าใด
อาจมีความเข้าใจผิดว่ายอดตัวเลขนี้คือการปรับโครงสร้างหนี้ที่รวมกันไปหมดระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา, Trouble Debt Restructuring หรือ TDR. กับ Preemptive Debt Restructuring นะครับ ผมต้องขอโทษด้วยอย่างแรง(เข้าใจว่า DR=TDR+Preemptive DR)
ข้อมูลประมาณ 1.3 แสนบัญชีมูลค่าประมาณ 9 หมื่นล้านบาทที่ปรากฎในข่าวคือตัวเลข Preemptive Debt Restructuring ครับ ภาษาไทยคือ การปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน, การปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเป็นหนี้เสียนะครับ ยอดที่แสดงจึงทำให้เห็นว่ามาตรการเร่งรัดให้ลูกหนี้ที่เริ่มมีปัญหาไปจัดการปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกันนี้กับเจ้าหนี้แค่เดือนแรกที่มีการรายงานมันสูงพอควร
ที่ผ่านมาก่อนมีตัวเลขนี้มันไม่มีการรายงานครับผม มันมีรายการ Preemptive Debt Restructure เกิดขึ้นมากมายแต่ไม่ให้มีการรายงานงัยครับ มันถึงมองไม่เห็นอาการคนที่เริ่มไม่ไหว มันมีแต่ตัวเลขคนที่ไม่ไหวและกลายเป็นหนี้เสียไปแล้วจากนั้นก็ไปทำ TDR.ซึ่งยอดสะสมมันทะลุ 1ล้านล้านบาทไปแล้ว
การเร่งรัดให้เจ้าหนี้ลงไปช่วยลูกหนี้แบบเป็นคำสั่งที่ต้องทำมันจึงดีกว่าขอความร่วมมือแน่นอน เรื่องที่น่าคิดคือ ถ้าเรามีความโปร่งใส เปิดเผย ก่อนหน้านี้จะทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนอย่างมีพลังใช่หรือไม่ เพราะสังคมจะตระหนักว่าเราไม่ได้มีปัญหาคนเดียว มีปัญหาต้องเร่งแก้ไขก่อนมันจะลุกลามเป็นหนี้เสีย
ตัวเลขคือตัวเลข ทุกๆ บัญชีมันมีชีวิตคนติดอยู่ ป่วยการจะมาเคลียร์ว่ามันเพิ่มลดเพราะเทคนิค หรือไม่ต้องตกใจเพราะอดีตทำมามาก ก็อดีตไม่เคยบอกเป็นตัวเลขที่ชาวบ้านอ่านออก เข้าใจได้ ติดตามได้งัยครับ