เครดิตบูโรเผย 98% ของบัญชีหนี้เสียคนทั่วไปปูดช่วง 3 ปี โควิด-19 เกือบครึ่งมูลหนี้เสียอยู่กับธนาคารรัฐ

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร โพสต์ข้อความในวันนี้ 12 มิถุนายน 2567 เกี่ยวสถานการณ์ หนี้เสีย ของไทยสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ปีนี้ มีดังนี้

ผลจากการประชุมครม.เศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 10.06.2567 ซึ่งมีการให้ข้อมูล กับสื่อมวลชนสั้นๆว่าทางการมีแนวคิดจะให้ความช่วยเหลือบัญชีสินเชื่อที่เป็นหนี้เสีย(ค้างชำระเกิน 90วัน) เนื่องจากสถานการณ์ ไม่ปกติ ซึ่งมันก็มีอยู่เรื่องเดียว คือการระบาดของ covid-19 ในช่วงปี 2563-2565 บัญชีหนี้เสียประเภทนี้หรือบัญชี NPL รหัส 21 ที่พูดถึงกัน ซึ่งกู้โดยบุคคลธรรมดา มียอดคงค้างเป็นตัวเงิน ณ ไตรมาส 1/2567 ก็ประมาณ 4 แสนล้านบาทครับ ที่สำคัญคือ ถ้านับเป็นจำนวนบัญชีแล้วก็จะมีอยู่ ประมาณ 4.3 ล้านบัญชี ทีนี้ถ้าเราเอา 4.3 ล้านบัญชีมาคลี่ออกดูจะพบว่า 4.2 ล้านบัญชีมันเกิดเป็นหนี้เสียในปีไหนบ้าง(มองย้อนกลับไปในอดีต) ซึ่งข้อมูล มันบอกว่า

2.5 แสนบัญชีเป็นหนี้เสียปี 2563

7.6 แสนบัญชีเป็นหนี้เสียปี 2564

1.23 ล้านบัญชีเป็นหนี้เสียปี 2565

1.88 ล้านบัญชีเป็นหนี้เสียปี 2566

และ 1 แสนบัญชีเป็นหนี้เสียในไตรมาส 1ปี 2567

มองจากตัวเลขจะเห็นว่าเกิดหนี้เสียเพิ่มขึ้นสะสมมาตลอดในช่วงระหว่างการระบาดคือ 2563-2565 พอโควิดจบแต่คนมีหนี้หลังโควิดมันไม่จบ ตัวเลขจำนวนบัญชีหนี้เสียสะสมเพิ่มระดับล้านเกือบสองล้านบัญชีในปี 2566 ขณะที่กติกาการปรับโครงสร้างหนี้บอกว่าลูกหนี้จะปรับโครงสร้างหนี้ได้ต้องมีศักยภาพย้ำว่าต้องมีศักยภาพศักยภาพคือต้องมีรายได้มากพอมั่นคงพอเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ตามตารางใหม่ของสัญญาปรับโครงสร้างหนี้

ขณะเดียวกันก็มีกติกาทางบัญชีในการจัดชั้นสถานะหนี้เข้มข้นเพิ่มอีกว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ ในความเสี่ยงด้านเครดิต (SICR) เช่น ค้างชำระเกิน 31 วันหรือหนึ่งงวด ต้องจัดชั้นกันสำรองทันทีในสถานะ SM.หรือกลายเป็นหนี้ที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ และการจะออกจาก SM.ได้ บัญชีสินเชื่อนั้นต้องมีการชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขต่อเนื่องอย่างน้อย 3 งวดติดกัน

บัญชีสินเชื่ออย่างน้อยหลายล้านบัญชีนี้ 3 อันดับแรกอยู่ในความดูแลของธนาคาร พาณิชย์ 1.3 แสนล้านบาท อยู่กับ สถาบันการเงินของรัฐ 1.7 แสนล้านบาท อยู่กับเช่าซื้อลีสซิ่ง 5.5 หมื่นล้านบาท ขอร้องว่าเวลาเสนอข้อมู ลอย่าเอาแต่ % มาแสดงเพื่อบอกว่าองค์กร ใต้การกำกับของฉันมีจำนวนบัญชีน้อย ยอดหนี้มันก็พอๆกันนะครับ

มาตรการของทางการที่จะช่วยให้ลูกหนี้เจ้าของบัญชีหนี้เสียรหัส 21 นอกจากเร่งปรับ โครง สร้างหนี้อย่างรับผิดชอบ การขายหนี้ก้อนนี้ให้ AMC การตัดหนี้สูญแบบตัดใจไม่ตามหนี้ต่อหรือจะมีการให้มีการหยุดส่งข้อมูลและลบข้อมูลออกจากระบบ

การจะให้เจ้าของบัญชีเหล่านี้กลับเข้ามายื่นขอกู้ได้ในเวลานี้ไม่หมูเพราะ

1.กติกาการปล่อยกู้เข้ม

2.กติกาการปรับโครงสร้างหนี้นั้นเงื่อนไขต้องมีศักย ภาพ มาตรการปรับโครงสร้าง หนี้แบบยืดหยุ่น(มาตรการฟ้าส้ม) ก็ไม่มีแล้ว ทุกอย่างว่ากันตามปกติ

3.กติกาทางบัญชี การจัดชั้นการกันสำรองเข้มข้น เหมือนก่อนเกิดโควิดระบาด

4.สถานการณ์ ทางเศรษฐกิจ ที่โตต่ำ กระจายไม่ทั่วถึง และมรการแข่งขันค้าขายที่รุนแรง

5.ต้องเข้าอกเข้าใจลูกหนี้กลุ่มนี้ว่าเขาเป็นหนี้เสียเพราะสถานการณ์ ซึ่งเป็นไปตามคำนิยามของธปท. เขาไม่ได้อยากเป็นหนี้เสีย แต่การปิดตลาด สั่ง Lock down ปิดบ้านปิดเมือง สนามบินปิด งดการพบปะ กันต่อหน้า ห้ามออกจากบ้าน ผลมันคือทำให้ค้าขายไม่ได้ ยังจำกันได้ใช่มั้ย ตอนนี้เราใช้กติกา มาตรฐานแบบปกติ แต่คนที่เจอโรคระบาด มันมีภาระตามมาหลังวิกฤติ ไม่ปกติครับ

ดอกเบี้ยเงินกู้มันเดินตลอดเพราะมันไม่รู้จักโรคระบาด ต้นเงินก็ไม่ได้ลด นี่ยังไม่นับเรื่องเถียงกันว่าคิดดอกเบี้ยตอนพักการชำระหนี้มันคิดกันอย่างไรระหว่างคนในองค์กร เดียวกัน คิดจากยอดที่พักการชำระหนี้ หรือคิดจากยอดใหญ่ เป็นต้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles