สำนักวิจัยกรุงไทย คอมพาสส์ (Krungthai COMPASS) ในเครือธนาคารกรุงไทย เปิดเผยการประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่ส่งผลกระทบด้านการค้าชายแดนระหว่างกัน พบว่า การค้าชายแดนเป็นช่องทางที่จะได้รับผลกระทบจากการ ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชามากที่สุด เนื่องจากการค้าชายแดนไทยและกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 48% ของ มูลค่าการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาทั้งหมด
ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ที่ 80,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา แบ่งเป็น มูลค่าการส่งออกชายแดนอยู่ที่ 63,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา และมูลค่าการนำเข้าชายแดนอยู่ที่ 17,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบช่วงเดียวกันในปีผ่านมา อย่างไรก็ดี สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่รุนแรงขึ้นจะกดดันต่อ มูลค่าการค้าชายแดนในช่วงที่เหลือของปี 2568
ผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมดจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหายไปราว 14,011 ล้านบาทต่อเดือน โดยมูลค่าการส่งออกชายแดนหายไปราว 11,410 ล้านบาทต่อเดือน และมูลค่าการนำเข้าชายแดนหายไปราว 2,601 ล้านบาท/เดือน
สำหรับด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบสูงมาก ได้แก่ ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยคาดว่าจะได้รับผลกระทบราว 8,663 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากด่านอรัญประเทศเป็นด่านชายแดนไทย-กัมพูชาที่สำคัญในการส่งออกและนำเข้าสินค้า รวมทั้งเป็นเส้นทางสัญจรที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว อันดับ 2.ด่านคลองใหญ่ จ.ตราด กระทบราว 8,663 ล้านบาทต่อเดือน อันดับ 3.ด่านจันทบุรี จ.จันทบุรี กระทบราว 2,159 ล้านบาทต่อเดือน ทั้ง 2 ด่านจัดอยู่ความเสียหายสูง ต่อมาอันดับ 4.ด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ กระทบราว 533 ล้านบาทต่อเดือน อันดับ 5.ด่านช่องสะงำ จ.ศรีษะเกษ กระทบราว 180 ล้านบาทต่อเดือน ทั้ง 2 ด่านจัดอยู่ความเสียหายปานกลาง
ในปี 2567 มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาผ่านด่านอรัญประเทศอยู่ที่ 110,718 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 63.4% ของมูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมด
สินค้าส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มอื่นๆ น้ำแร่ น้ำอัดลม ที่ปรุงรส ส่วนประกอบรถจักรยานยนต์อื่นๆ เครื่องยนต์สันดาปภายใน และสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรอื่นๆ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกผ่านชายแดนไปกัมพูชาใน ปี 2567 มากกว่า 4 พันล้านบาท และมีสัดส่วนการส่งออก ผ่านชายแดนสูงถึง 93%-100% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าแต่ละรายการไปกัมพูชา
กลุ่มสินค้านำเข้าที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ ผักและของปรุงแต่งจากผักเศษ อะลูมิเนียม ลวดและสายเคเบิลที่หุ้มฉนวน เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าผ่านชายแดนจากกัมพูชาในปี 2567 มากกว่า 3 พันล้านบาท โดยเฉพาะมันสำปะหลังที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชาราว 1-2 ล้านตันต่อปี ซึ่งหากมีการปิดด่านหลายเดือน อาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบมันสำปะหลังในบางช่วง และต้องนำเข้าจากแหล่งอื่นทดแทน เช่น สปป.ลาว และเวียดนาม เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องในไทย เช่น อาหารแปรรูป อาหาร สัตว์ เป็นต้น