เงินบาทขยับอ่อนค่าเล็กน้อย ตามดอลลาร์แข็งค่า เศรษฐกิจสหรัฐสดใส 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 32.28 บาทต่อดอลลาร์  อ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.26 บาทต่อดอลลาร์ 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในลักษณะ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.21-32.33 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเช่นกัน ของเงินดอลลาร์และราคาทองคำ อย่างไรก็ดี เงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ออกมาสดใส อาทิ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนกรกฎาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.2 จุด ดีกว่าคาด ส่วน ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ก็อยู่ที่ระดับ 2.17 แสนราย และ 1.955 ล้านราย ดีกว่าคาด 

ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังเงินยูโร (EUR) ยังพอได้แรงหนุน หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ไว้ที่ระดับ 2.00% ตามคาด ส่วนประธาน ECB ก็ส่งสัญญาณไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพื่อรอประเมินสถานการณ์และปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะแนวโน้มนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาส ECB เดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง ในปีนี้ เหลือ 66%

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด 

แนวโน้มค่าเงินบาท มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.15-32.35 บาทต่อดอลลาร์ แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ส่วนราคาทองคำก็ทยอยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า (เรามองว่า ประเด็นความขัดแย้งและการสู้รบตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่งผลเล็กน้อยต่อการอ่อนค่าของเงินบาท) อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าฃลงของเงินบาทก็ดูจะเป็นไปอย่างจำกัด โดยบรรดาผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์และปรับสถานะถือครอง หากเงินบาท (USDTHB) อ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ขณะเดียวกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles