เงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือน แต่ยังไม่ผ่านแนว 31.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ  สัปดาห์นี้จับตาฟันด์โฟลว์ ค่าเงินเอเชีย สถานการณ์ไทย-กัมพูชา 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่าเข้าใกล้แนว 31.00 โดยแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือนนับตั้งแต่มี.ค. 2564 ที่ 31.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ สอดคล้องกับราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้ง ประกอบกับเงินบาทน่าจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากปัจจัยทางเทคนิค หลังเงินบาทแข็งค่าผ่านแนวสำคัญทางจิตวิทยาหลายแนวในระยะนี้

นอกจากนี้ สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ต่างก็เคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่า สอดคล้องกับเงินเยนที่ทยอยแข็งค่ากลับมา หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเตือนถึงการเข้าดูแลเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเงินเยน ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังคงถูกกดดันจากการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปี 2569 ซึ่งอาจจะมากกว่า 1 ครั้งที่สะท้อนผ่าน Dot Plot ล่าสุด

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2568 กระทรวงการคลัง ธปท. และ ก.ล.ต. มีการแถลงเปิดเผยแนวทางการบริหารจัดการสถานการณ์ค่าเงินบาท โดยจะมีการกำหนดให้ผู้ให้บริการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นำส่งข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองคำ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาความเหมาะสมในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ ขณะที่ ธปท. ก็จะมีการพิจารณาแนวทางการกำกับปริมาณการทำธุรกรรมทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น กำหนดเพดานวงเงินการซื้อ-ขายด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ยังต้องรอรายละเอียดของแต่ละมาตรการอีกครั้งในช่วงหลังจากนี้

นอกจากนี้ ธปท. ยังมีหนังสือเวียนลงวันที่ 26 ธ.ค. 2568 เรื่อง การซักซ้อมวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับลูกค้า โดยขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 5 แห่ง ในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการรับซื้อหรือรับฝากเงินตราต่างประเทศที่มาจากต่างประเทศของลูกค้าที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ (Resident) โดยเฉพาะ 1) กรณีเงินตราต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวกับค่าทองคำและธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนตั้งแต่ 2 แสนดอลลาร์ฯ หรือเทียบเท่า 2) กรณีเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวกับค่าทองคำทุกจำนวนรายธุรกรรม และ 3) กรณีธนบัตรเงินตราต่างประเทศที่มีจำนวนเงินตั้งแต่ 15,000 ดอลลาร์ฯ หรือเทียบเท่า

ในวันศุกร์ที่ 26 ธ.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 31.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 ธ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 22-26 ธ.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,045 ล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทย 2,863 ล้านบาท

ส่วนในสัปดาห์นี้ 29 ธ.ค. 2568-2 ม.ค. 2569 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 30.90-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนพ.ย. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 9-10 ธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. ของจีน ญี่ปุ่น และยูโรโซนด้วยเช่นกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles