นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ อยู่ที่ระดับ 36.76 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงหนัก จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.38 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-37.00 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง “เร็วและแรง” จนแตะโซนแนวต้าน 36.70 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราได้ประเมินไว้ในวันก่อน (แกว่งตัวในช่วง 36.34-36.76 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาด โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 2 ครั้งในปีนี้ (โอกาสลด 2 ครั้ง อยู่ที่ราว 67%) ขณะเดียวกันบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็พุ่งสูงขึ้นทะลุระดับ 4.50% ตามความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดดังกล่าว ส่งผลให้ ราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลงหนัก
นอกจากนี้ เงินบาทยังเสี่ยงเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม หลังราคาน้ำมันดิบพลิกกลับมาพุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางความเสี่ยงความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจทวีความร้อนแรงมากขึ้น หากอิหร่านและพันธมิตรเปิดฉากโจมตีอิสราเอลจริง ตามคำเตือนของสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ที่ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 2 ครั้งในปีนี้ อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 37 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้สำหรับสัปดาห์นี้ได้ไม่ยาก ทว่า เงินบาทอาจมีโซนแนวต้านอยู่ในช่วง 36.80-36.85 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนแนวต้านในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม จากความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจทวีความรุนแรงและบานปลายมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้ ทั้งนี้ หากราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากความกังวลความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ก็อาจช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าของเงินบาทจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้บ้าง (คล้ายกับในช่วงแรกของการโจมตีอิสราเอลโดยกลุ่มฮามาสในปีก่อนหน้า) นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเรามองว่า มีความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายบอนด์ไทยเพิ่มเติม ตามแนวโน้มธนาคารแห่งประเทศไทยและเฟดที่อาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่วนฟันด์โฟลว์ฝั่งหุ้นก็มีแนวโน้มผันผวนสูง และยังมีความไม่แน่นอนว่า นักลงทุนต่างชาติจะเดินหน้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง หรือไม่ หากบรรยากาศในตลาดการเงินยังเผชิญแรงกดดันอยู่ ส่วนเงินบาทก็เสี่ยงผันผวนอ่อนค่าต่อได้
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนจากค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังล่าสุด เงินเยนญี่ปุ่นได้อ่อนค่าเข้าใกล้ 153 เยนต่อดอลลาร์ ทำให้เรามองว่า มีความเสี่ยงที่ทางการญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงค่าเงินได้ โดยการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนรอบก่อนหน้าของทางการญี่ปุ่น ก็ส่งผลให้เงินเยนพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วและแรง จนทำให้ตลาดค่าเงินอาจผันผวนสูงในระยะสั้น