นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.63 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.45 -33.75 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซนแนวรับสำคัญ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 33.52-33.69 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ โดยถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งต่างสนับสนุนให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump กลับไม่ได้ช่วยหนุนเงินดอลลาร์มากนัก
ตลาดต่างคงให้โอกาสราว 52% ที่เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ ได้ ทว่า การทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ล่าสุดแข็งค่าขึ้นหลุดโซนแนวรับสำคัญ 150 เยนต่อดอลลาร์ ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดหวังว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ก็มีส่วนกดดันให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท การทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเข้าใกล้โซนแนวรับสำคัญ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงคืนที่ผ่านมา ถือว่า เหนือความคาดหมายของเราไปบ้าง หลังบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ยังคงทยอยแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับสำคัญ 150 เยนต่อดอลลาร์ อีกทั้ง ราคาทองคำก็สามารถรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง
ด้านนักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.57 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิด ตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.65 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดอลลาร์ย่อตัวลงตาม บอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวลดลงหลังตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์เมื่อคืนออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ส่วนปัจจัยในประเทศ ตลาดรอดูทิศทางของกระแสเงินทุนต่างประเทศ (Flow) และการค้าทองคำ หลังสถานการณ์ราคาทอง ในตลาดโลกเมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นมาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.50 – 33.75 บาท/ดอลลาร์