นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 33.98 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.81 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท(USDTHB) พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 33.79-34.00 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น หนุนโดยรายงานข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนมีนาคม ของสหรัฐฯ ที่โดยรวมออกมาดีกว่าข้อมูลดังกล่าวจากฝั่งยุโรป
เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดการเงินสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จากท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจดำเนินนโยบายการค้าที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยภาพดังกล่าวได้หนุนเงินดอลลาร์ ผ่านการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลงทะลุโซน 150 เยนต่อดอลลาร์ และนอกเหนือจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ เงินบาทก็ถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงราว -30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ของราคาทองคำ (XAUUSD)
ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.90-34.10 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าขึ้นหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% กับทุกประเทศที่ซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากเวเนซุเอลา โดยจีนก็จะได้รับผลกระทบเพราะเป็นผู้ซื้อหลัก
ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯ ออกมาที่ 49.8 ต่ำกว่าตลาดคาด และสะท้อนการหดตัว ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการออกมาดีกว่าคาดที่ 54.3 ขณะที่ ดัชนี PMI ยูโรโซน ออกมาที่ 50.4 สูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตในเยอรมนี ขณะที่ดัชนี PMI ของญี่ปุ่นออกมาที่ 48.3 ต่ำกว่าตลาดคาด