นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 32.92 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.74 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.80-33.20 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ) โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้จริง หลังเราได้ call bottom USDTHB ไปในวันก่อนหน้า (กรอบการเคลื่อนไหว 32.73-32.95 บาทต่อดอลลาร์) ทว่าการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นก็ถือว่ามากกว่าที่เราประเมินไว้ โดยเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุทั้งโซนแนวต้านแรกแถว 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ตั้งแต่ช่วงวันก่อนหน้า ตามโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ (ขายสุทธิทั้งหุ้นและบอนด์ไทยเกือบ -9 พันล้านบาท)
ทั้งนี้ ก่อนที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้าน 32.80-32.90 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากการปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดโดยผู้เล่นในตลาด ตามรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP เดือนกันยายน ที่เพิ่มขึ้นราว 1.4 แสนตำแหน่ง ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้พอสมควร อีกทั้งการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ราคาทองคำมีจังหวะปรับตัวลดลงราว -20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะสามารถรีบาวด์ขึ้นได้ตามแรงซื้อในจังหวะย่อตัวของผู้เล่นในตลาด ซึ่งยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง (มิเช่นนั้น เงินบาทอาจอ่อนค่าทะลุ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ไปแล้วได้)
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทมีกำลังมากขึ้น หลังเราได้ Call Bottom USDTHB ไปในวันก่อนหน้า นอกจากนี้ เงินบาทยังได้อ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 32.85 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ในต้นสัปดาห์ ทำให้ในเชิงเทคนิคัลเรามีความมั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทยังมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงได้ไม่ยาก ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดไม่ได้กลับมาเชื่อมั่นว่า เฟดจำเป็นต้องเร่งลดดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลือของปีนี้ จนไปถึงช่วงต้นปีหน้า ซึ่งเรามองว่า ต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งในคืนวันพฤหัสฯ นี้ และในช่วงคืนวันศุกร์นี้ ที่จะมีรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) โดยหากเงินบาทยังสามารถอ่อนค่าลงต่อทะลุโซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน ก็อาจเผชิญโซนแนวต้านแถว 33.15-33.20 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปได้ ตราบใดที่ราคาทองคำยังมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น จากความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งเรามองว่า ความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวอาจใช้เวลาหลายวัน จนถึงระดับ 1-2 สัปดาห์ได้ ถึงจะเริ่มคลี่คลายลงได้บ้าง โดยเราคงมุมมองเดิมว่า ต้องจับตาท่าทีของทางการอิสราเอลในการตอบโต้ การโจมตีรอบล่าสุดจากทางอิหร่าน และในช่วงระยะสั้น เงินบาท รวมถึงบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียอาจยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบลดสถานะ Net Long บรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียได้ (มองสกุลเงินฝั่งเอเชียแข็งค่าขึ้น) อีกทั้ง เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาทิ ผู้ส่งออกอาจรอจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ในการทยอยขายเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะในช่วงใกล้โซนแนวต้าน เช่น เหนือโซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ อนึ่ง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าเทขายสินทรัพย์ไทยต่อเนื่องในอัตราไม่ต่างกับวันก่อนหน้า หรือ อย่างน้อยวันละ 5 พันล้านบาท ก็อาจเห็นเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องได้มากกว่าที่เราประเมินไว้ เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้านถัดไป 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์