นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 31.89 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.84 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Up แถวโซนแนวต้าน 31.85 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.81-31.91 บาทต่อดอลลาร์) แม้เงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ตามรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ เดือนกันยายน (S&P Manufacturing & Services PMIs) ที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 52.0 จุด และ 53.9 จุด ตามลำดับ ซึ่งแย่กว่าคาดเล็กน้อย
อีกทั้ง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดก็ออกมาผสมผสาน โดยเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วน อย่าง Michelle Bowman แสดงความกังวลต่อแนวโน้มตลาดแรงงานและมองว่า เฟดควรเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่ ประธานเฟด Jerome Powell คงมุมมองเดิมไม่ต่างจากช่วงหลังการประชุม FOMC
ล่าสุด เฟดเผชิญความท้าทายในการดำเนินนโยบายการเงินจากความเสี่ยงเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน ซึ่งเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง ขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ เป็นสำคัญ โดยปราศจากการแทรกแซงการทำงานจากฝั่งการเมือง แต่เงินบาทก็เผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามจังหวะการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ หลังราคาทองคำทยอยย่อตัวลงจากจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.80-31.95 บาทต่อดอลลาร์ โดยยังมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ Sideways แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ โดยเฉพาะในช่วงระหว่างวัน ที่เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันบ้าง จากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากฝั่งนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ก็เริ่มจำกัดลง และจะเห็นได้ว่า เงินดอลลาร์ก็เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งเรามองว่า อาจต้องรอลุ้น รายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน ที่จะรับรู้ในช่วงต้นเดือนตุลาคม
ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-32.10 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีเงินดอลลาร์ยังทรงตัวหลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงทั้งสองด้าน จากการจ้างงานและเงินเฟ้อ ทำให้ต้องระมัดระวังในการดำเนินนโยบาย
ดัชนี PMI สหรัฐฯ เดือนกันยายน ชะลอลงมาอยู่ที่ 53.6 จาก 54.6 โดยชะลอลงทั้งในภาคการผลิตและบริการ ขณะที่ผู้ประกอบการขึ้นราคาได้น้อย ดัชนี PMI ของสหภาพยุโรป เดือนกันยายนออกมาที่ 51.2 สูงกว่าเดือนก่อนและที่ตลาดคาด ผลจากภาคบริการของเยอรมนีออกมาดี