เงินบาทวันนี้ เปิตตลาดแข็งค่า เงินดอลลาร์ ราคาทองยังไซด์เวย์ ตลาดรอรับรู้ปัจจัยใหม่

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.22 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.30 บาทต่อดอลลาร์  โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 34.17 -34.23 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น เป็นวันหยุด Labor Day ของตลาดการเงินสหรัฐฯ ส่งผลให้ทั้ง เงินดอลลาร์ และราคาทองคำต่างเคลื่อนไหวในกรอบ sideways 

อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศในช่วงวันอังคาร (ดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม) รวมถึงรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่จะประกาศในช่วงวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ที่ชัดเจนอีกครั้ง    

สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways แถวโซน 34.20 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ที่จะรายงานในช่วงวันศุกร์นี้ อนึ่ง ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังราคาทองคำยังคงแกว่งตัวใกล้โซนแนวรับระยะสั้น

นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทยเพิ่มเติมได้ ดังจะเห็นได้จากในช่วงสองวันทำการที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง ตามการทยอยขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน โดยเฉพาะฝั่งผู้ส่งออก ทำให้เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจมีโซนแนวต้านแถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไปจะอยู่แถว 34.50 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวรับก็จะอยู่ในช่วง 34.10 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับสำคัญจะอยู่ในช่วง 34.00 บาทต่อดอลลาร์)

อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิต ของสหรัฐฯ เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนว่า รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้เงินบาทผันผวนแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลงได้ราว 0.2% โดยเฉลี่ย หลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles