ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาท ทยอยแข็งค่าในช่วงต้น–กลางสัปดาห์ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 13 เดือนที่ 34.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทมีแรงหนุนจากตัวเลขจีดีพีของไทยที่ขยายตัวดีกว่าที่คาด (Thai GDP +2.3% YoY ในไตรมาส 2/67 สูงกว่าตลาดคาดที่ +2.2% YoY และสูงกว่า +1.6% YoY ในไตรมาส 1/67) ขณะที่ Sentiment ของ เงินดอลลาร์ฯ ยังอ่อนแอต่อเนื่องท่ามกลางกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC เดือนก.ย. นี้ นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกก็เพิ่มแรงหนุนให้เงินบาทแข็งค่าด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่ากลับมาบางส่วนช่วงกลาง–ปลายสัปดาห์ หลังจากกนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไว้ที่ 2.50% ตามที่ตลาดคาด ประกอบกับตลาดเริ่มทยอยซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นก่อนถ้อยแถลงของประธานเฟดที่งานสัมมนาประจำปีของเฟดที่แจ็กสัน โฮลช่วงปลายสัปดาห์ นอกจากนี้ การย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกหลุดระดับ 2,500 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ สวนทางการฟื้นตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ก็มีส่วนชะลอการแข็งค่าของเงินบาทด้วยเช่นกัน
สำหรับวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 23 ส.ค. 2567 ) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 34.27 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (16 ส.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 19-23 ส.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,948 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 3,616 ล้านบาท (แบ่งเป็นซื้อสุทธิพันธบัตร 4,128 ล้านบาท และมีตราสารหนี้หมดอายุ 512 ล้านบาท)
ขณะที่ สัปดาห์นี้ (26-30 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.00-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ตัวเลขการส่งออก และรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.ค. ของไทย รวมถึงสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE และ Core PCE เดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์จากมุมมองของผู้บริโภคเดือนส.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 (Prelim.) และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน