ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวกลับมาของราคาทองคำในตลาดโลกในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน ประกอบกับยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดีลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าอื่นๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และเงินหยวน ขณะที่ ประเด็นเรื่องการปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody’s มาอยู่ที่ Aa1 ยังคงเป็นปัจจัยลบที่กดดันเงินดอลลาร์ฯ อย่างต่อเนื่อง สวนทางเงินบาทที่มีปัจจัยบวกหนุนตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์จากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของไทยที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
เงินบาทมีทิศทางแข็งค่าเกือบตลอดสัปดาห์ โดยแข็งค่าผ่านแนว 33.00 ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่ 32.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของฐานะการคลังและปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ หลังมีความพยายามเดินหน้าร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯ ซึ่ง ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์พยายามผลักดันให้ผ่านสภาคองเกรส
โดยในวันศุกร์ที่ 23 พ.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.24 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (16 พ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 19-23 พ.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 4,239 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 16,491 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 16,994 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 503 ล้านบาท)
ส่วนในสัปดาห์นี้ (26-30 พ.ค.68 ) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือนเม.ย. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนเม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (Prelim.) บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 6-7 พ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นเกี่ยวกับสงครามการค้า รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ อาทิ อัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น และข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ของจีน