นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.52 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.46-32.60 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเงินบาท ไม่ว่าจะเป็นเงินดอลลาร์ และราคาทองคำ (XAUUSD) หลังผู้เล่นในตลาดต่างต้องการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ท่ามกลางภาวะ Data Blindness (ขาดการรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ) จากผลกระทบของภาวะ Government Shutdown ในฝั่งสหรัฐฯ
การอ่อนค่าของเงินบาทเหนือโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้เล่นในตลาด อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก ส่วนผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยที่แม้จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.50% สวนทางกับคาดการณ์ของผู้เล่นในตลาดและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 25bps (แต่เรามองคงดอกเบี้ย) ก็ไม่ได้หนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังรับรู้ผลการประชุม กนง. ก่อนที่จะทยอยอ่อนค่าลง ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า กนง. จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจนอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาสู่ระดับ 1.00% ภายในปีหน้า
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.65 บาทต่อดอลลาร์ เราคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังมีกำลังอยู่ และเงินบาทได้กลับสู่แนวโน้มอ่อนค่าลง (อย่างน้อยในระยะสั้น) นอกจากนี้ หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ก็อาจเพิ่มโอกาสที่เงินบาทจะสามารถอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่เผชิญปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม เช่น ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน (ยิ่งปรับฐานลึก ก็อาจกดดันเงินบาทได้พอสมควร) อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง อาจไม่ได้ง่ายนัก เนื่องจากบรรดาผู้เล่นในตลาด อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงสู่โซนแนวต้านดังกล่าว