นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า “ค่าเงินบาทวันนี้”เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.60 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.37-32.51 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่พอได้แรงหนุนจากความต้องการถือครองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) บ้าง ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าว แม้ว่าจะช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้โดยรวมเงินบาทก็เผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง จากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ
ขณะที่การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังพอช่วยลดทอนแรงกดดันดังกล่าวได้บ้าง จนกว่าความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำกับเงินบาทจะเปลี่ยนแปลงไป หากผู้เล่นในตลาดเริ่มไล่ราคาซื้อทองคำ หรือเป็นแรงซื้อลักษณะ Fear of Missing Out (FOMO)
แนวโน้มค่าเงินบาท มองว่าแม้โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้นจะยังมีกำลังอยู่ หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะเดียวกัน เงินบาทก็ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สกุลเงินปลอดภัยอย่างเงินเยนของญี่ปุ่นและเงินฟรังก์สวิสกลับมาอ่อนค่าลงหลังจากที่แข็งค่าเร็วก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันยังปรับสูงขึ้นต่อ ส่วนเงินดอลลาร์แคนาดา และเงินโครนนอร์เวย์ปรับแข็งค่าขึ้นตามราคาพลังงาน
อิสราเอลและอิหร่านยิงโจมตีกันต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐสั่งห้ามแผนการสังหารผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นจากความเสี่ยง Tariffs ที่ลดลง