นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.37 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.35-32.51 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ได้รับอานิสงส์จากการทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ โดยล่าสุดผู้เล่นในตลาดประเมินเฟดมีโอกาสราว 77% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ย 25bps ในการประชุมเดือนธันวาคม
อย่างไรก็ดี การปรับเพิ่มความคาดหวังของผู้เล่นในตลาดกลับไม่ได้กดดันเงินดอลลาร์มากนัก หลังบรรดาสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ต่างเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยเฉพาะฝั่งสกุลเงินหลักยุโรป ทั้งเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น การประกาศแผนงบประมาณของอังกฤษ ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถรีบาวด์ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นยุโรป
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.55 บาทต่อดอลลาร์ แม้เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น ทดสอบระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ หรืออาจแข็งค่ากว่าระดับดังกล่าวได้บ้าง ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่เงินบาทก็เสี่ยงเผชิญ Two-way risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง) ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และปัจจัยอื่นๆ ทำให้ในระยะสั้น เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ