นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้เปิดที่ระดับ 35.32 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์ คาดว่าค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.00- 35.85 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.20-35.40 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 35.14-35.40 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนกรกฎาคม ล้วนออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ถึง 50bps ในการประชุมเดือนกันยายน (พร้อมมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 100bps ในปีนี้)
นอกจากนี้ ในช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เงินบาทก็ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติม จากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นเข้าใกล้จุดสูงสุดในปีนี้ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก่อนที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงหนักราว -60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการปรับสถานะของผู้เล่นในตลาด ซึ่งการปรับตัวลงของราคาทองคำดังกล่าว ก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดยังคงทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในช่วงนั้นก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะทรงตัวในกรอบ sideways ก็ตาม
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท จะมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันเงินบาทผันผวนอ่อนค่าเริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะหากตลาดยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง หรือกังวลปัญหาการเมืองในประเทศ กดดันให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย อีกทั้ง ควรระวังความผันผวนจาก ปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางและทิศทางเงินเยนญี่ปุ่น ตามการปรับสถานะ JPY-Carry Trade หรือสถานะ Short JPY
ในส่วนเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้ หาก 1) รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด 2) ตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงจากความผิดหวังรายงานผลประกอบการ หรือปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่พร้อมจะทวีความรุนแรงและบานปลายมากขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) แต่เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลง หลังผู้เล่นในตลาดคาดหวังว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้เกิน 1% ในปีนี้ จากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด
ขณะที่ สัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรระวังความผันผวน จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ส่วนในฝั่งไทย ควรจับตาประเด็นการเมืองในประเทศ