เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย บริเวณ 32.65 บาทต่อดอลลาร์  มีความหวังการเจรจาการค้าสหรัฐ- จีน 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.62 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.65 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.57-32.69 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินบาทจะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หลังทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบในกรอบการเจรจา (Framework) ที่จะลดความตึงเครียดทางการค้าลง ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง กดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ย่อตัวลงสู่โซนแนวรับระยะสั้นด้วยเช่นกัน 

แนวโน้มค่าเงินบาท  มองกรอบอยู่ที่ระดับ 32.45-32.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งในช่วงระหว่างวัน เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ คาดว่าจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยเรามองว่า หากอ้างอิงจากสถิติย้อนหลัง 1 ปี ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) อาจเคลื่อนไหวในระดับ +/-1 SD ราว +0.2%/-0.4% ชี้ว่า เงินบาทเสี่ยงแข็งค่าขึ้นได้พอสมควร หากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้ง ในปีนี้ ได้ (ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสราว 74% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้) ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ CPI เพิ่มสูงขึ้น และออกมาสูงกว่าคาดชัดเจน ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า เฟดจะยิ่งไม่รีบลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ ลง โดยภาพดังกล่าวอาจช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้

ด้านกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-32.75 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเช้านี้หลังแนวโน้มการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนดำเนินไปด้วยดี โดยจีนอาจส่งแร่ Rare earth ให้สหรัฐฯ มากขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมด้านเทคโนโลยีลง

ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ ขยายเวลาผ่อนผันต่อคำตัดสินของศาลการค้า ทำให้ภาษีนำเข้าสหรัฐยังมีผลบังคับใช้อยู่ ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้นหลังประธานธนาคารกลางญี่ปุ่นมองว่าเงินเฟ้อยังไม่เข้าใกล้ระดับเป้าหมายเพียงพอ ทำให้ตลาดมองว่าโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อมีน้อยลง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles