นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้เปิดที่ระดับ 34.14 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ 34.22 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาท ในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.05-34.25 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down หนุนโดยการทยอยปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD และผู้เล่นบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น
แม้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีไม่มาก ทว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจก็ออกมาผสมผสาน โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 2.19 แสนราย น้อยกว่าที่ตลาดคาด ทว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) กลับเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 1.91 ล้านราย มากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก (แม้จะมีการเลิกจ้างไม่มาก แต่แรงงานในสหรัฐฯ ก็ใช้เวลานานมากขึ้น ในการหางานใหม่ หรือกล่าวได้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีลักษณะ Slow to Fire and Slow to Hire)
นอกจากนี้ เงินบาทยังได้อานิสงส์จากการทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถกลับมาแกว่งตัวแถวโซน 2,630-2,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ ทว่าราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจน ท่ามกลางความต้องการทยอยขายทำกำไรสถานะ Long ทองคำ ของบรรดาผู้เล่นในตลาด
แนวโน้มค่าเงินบาท อาจแกว่งตัว Sideways เนื่องจากบรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยประเมินว่า โซนแนวรับเงินบาทอาจอยู่แถว 34.10 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นแนวรับสำคัญเชิงจิตวิทยา) ขณะที่โซนแนวต้านอาจยังคงอยู่แถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา จนทะลุโซน 34.15 บาทต่อดอลลาร์ ได้ทำให้สัญญาณจากกลยุทธ์ Trend-Following กลับมาสะท้อนว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นต่อได้ หรืออย่างน้อยก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ว่าเงินบาทจะยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าต่ำกว่าโซนดังกล่าวได้อย่างชัดเจนหรือไม่ และเราจะมั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ หากเห็นการแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์ จนมาทดสอบโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยภาพดังกล่าวก็จะสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่า เงินบาทยังมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะในช่วงก่อนที่รัฐบาล Trump 2.0 จะเริ่มดำเนินนโยบายต่างๆ