เงินบาท เปิดตลาดอ่อนค่าลงนิดหน่อย จากเงินดอลลาร์แข็งค่า กดดันราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ รวมถึงยูโรอ่อนลง

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้เปิดที่ระดับ 34.51 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.47 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.65 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ) ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่โดยรวมยังคงเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (กรอบการเคลื่อนไหว 34.40-34.56 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้น เข้าใกล้โซน 34.40 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) กลับสู่โซน 2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก้ตาม เงินบาทก็แข็งค่าได้ไม่นาน ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางการอ่อนค่าลงของสกุลเงินหลัก อย่าง เงินยูโร (EUR) ที่เผชิญแรงกดดันจากความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศส อีกทั้ง รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน ก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.4 จุด ซึ่งแม้จะยังคงสะท้อนภาวะการหดตัวต่อเนื่องของภาคการผลิต แต่ก็ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ยังได้กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ ทำให้เงินบาทเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงด้วยถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง Christopher Waller ที่ส่งสัญญาณว่า พร้อมสนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม แต่การตัดสินใจดังกล่าวจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ โดยความเห็นดังกล่าวของเจ้าหน้าที่เฟด ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดมีโอกาสราว 74% ที่จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้

สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท แม้ว่า เงินบาทอาจมีจังหวะอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ บ้าง แต่เรามองว่า เงินบาทก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้ โดยเงินบาทก็อาจติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 34.55-34.60 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ ก็อาจมีโซนแนวต้านถัดไปในช่วง 34.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยเรามองว่า เงินบาทจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน (คาดว่าผู้เล่นในตลาดจะรอยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม Nonfarm Payrolls ในวันศุกร์นี้เป็นหลัก) หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นชัดเจน ตามการปรับลดโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งอาจเห็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาทองคำด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนในช่วงนี้ หลังบรรดานักลงทุนต่างชาติก็เริ่มกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะบอนด์ไทย ส่วนแรงขายหุ้นไทยก็ชะลอลงบ้าง ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงระหว่างวัน อาจเป็นไปอย่างจำกัด

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาท ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนว่า เงินบาทสามารถแกว่งตัวเกือบ +/-0.2% ได้ในช่วง 30 นาที หลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles