นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทวันนี้เปิดที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว”จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา
นับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท(USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แถวโซนแนวรับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.09-31.17 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทางเช่นกันของทั้งเงินดอลลาร์และ ราคาทองคำ (XAUUSD) โดยแม้ว่าเงินดอลลาร์จะมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 จะออกมา +4.3% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้เพียง +3.3% ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมของเฟดลงบ้าง โดยเฉพาะในปี 2569
ประกอบกับบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ลดทอนความน่าสนใจในการถือครองเงินดอลลาร์ ส่งผลให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาย่อตัวลงบ้าง และแกว่งตัวในระดับไม่ต่างกับช่วงก่อนรับรู้รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจังหวะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้ ราคาทองคำรีบาวด์สูงขึ้นบ้างและกลับมาแกว่งตัวเหนือโซน 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้
เงินบาทวันนี้ มองกรอบอยู่ที่ระดับ 31.00-31.20 บาทต่อดอลลาร์ โดยยังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) จะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนถึง ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้นยังมีกำลังอยู่ แม้ว่าในวันก่อนหน้านั้น ทางการไทยจะมีการแถลงข่าวพร้อมออกมาตรการเพื่อลดทอนผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท และพร้อมเข้าดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนผิดปกติ ซึ่งเราประเมินว่า ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนและปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจยังคงช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาทต่อได้ โดยเฉพาะหากแรงหนุนดังกล่าว มาจากจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ เว้นเสียแต่ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะปิดรับความเสี่ยงชัดเจน (ไม่ควรเป็นประเด็นมาจากฟองสบู่หุ้น AI ที่มักจะกดดันให้ เงินดอลลาร์ย่อตัวลง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ อ่อนไหวกับประเด็นดังกล่าวสูง) ซึ่งอาจหนุนให้เงินดอลลาร์ทรงตัวหรือแข็งค่าขึ้น
ขณะเดียวกัน เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า จากแรงขายหุ้นไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติมได้ ทำให้เงินบาทจะได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำไม่มากนัก อนึ่ง หากราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น “เร็ว แรง” ในระยะสั้น ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ จากความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หลังผู้เล่นในตลาดจะเลือกไล่ราคาซื้อทองคำ หรือ Fear of Missing Out Buy (FOMO Buy)