นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาท วันนี้”เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.69 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.20 -34.05 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.75 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.54-33.70 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเร็วตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังรายงานดัชนี S&P Global PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม นั้นออกมาผสมผสาน โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.1 จุด ดีกว่าคาด ทว่า ดัชนี PMI ภาคการบริการกลับปรับตัวลดลงสู่ระดับ 52.8 จุด แย่กว่าคาดไปมาก
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนเดือนมกราคม (U of Michigan Consumer Sentiment) ก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 71.1 จุด แย่กว่าคาดเช่นกัน อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทก็เริ่มชะลอลงบ้าง และเงินบาททยอยพลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังเงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้นบ้าง ส่วนราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด
สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาทมองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาอาจชะลอลงบ้าง ทำให้ เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways ไปก่อน อย่างไรก็ดี เงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวน Two-Way Volatility ขึ้นกับผลการประชุมเฟดและ ECB รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น หรือ อย่างน้อยแกว่งตัว Sideways ตราบใดที่เงินบาท (USDTHB) ยังไม่สามารถอ่อนค่าเหนือโซน 34.10-34.20 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจน
ในสัปดาห์นี้ ควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ