เงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. วูบต่อ ติดลบ 0.57 % ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากราคาผัก-พลังงาน ลดลงฉุด พาณิชย์ปรับลดเป้าทั้งปีเหลือ 0-1% ชี้ไทยมีเงินเฟ้อต่ำสุดในอาเซียน

เงินเฟ้อ ไทยเดือน พ.ค. วูบต่อ ติดลบ 0.57 % ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากราคาผัก-พลังงาน ลดลงฉุด พาณิชย์ปรับลดเป้าทั้งปีเหลือ 0-1% ชี้ไทยมีเงินเฟ้อต่ำสุดในอาเซียน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 100.40 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 100.98 ส่งผลให้เงินเฟ้อติดลบร้อยละ 0.57 (YoY) โดยเป็นผลจากราคาสินค้าหมวดอาหารสด เช่น ผักและผลไม้สด ที่ลดลงจากผลผลิตที่มากขึ้น และราคาพลังงาน เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเบนซิน ที่ปรับลดตามราคาตลาดโลก

โดยไทยมีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน 2568 ติดลบร้อยละ 0.22 ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีเงินเฟ้อต่ำที่สุด อันดับที่ 7 จากทั้งหมด 133 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียนที่มีข้อมูลจาก 8 ประเทศ

ขณะที่รายละเอียดรายหมวด เดือนพฤษภาคม 2568 พบว่า หมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 1.51 (YoY) จากราคาพลังงาน ของใช้ส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ลดลง และหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.89 (YoY) จากราคาเนื้อสัตว์ อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มที่สูงขึ้น แม้ราคาผัก ไข่ไก่ และผลไม้บางชนิดจะลดลง

ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.09 (YoY) เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้า และเมื่อเทียบเดือนต่อเดือน (MoM) ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.26 จากความต้องการบริโภคอาหารสดและสำเร็จรูปที่ยังสูง

ด้านแนวโน้มเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน 2568 คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวก ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ต่ำกว่าปีก่อน ค่า Ft ที่ลดลงในรอบ พ.ค.–ส.ค. เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย สภาพอากาศที่เอื้อต่อผลผลิตทางการเกษตร และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารยังมีแนวโน้มปรับเพิ่ม

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับกรอบคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 จากเดิม 0.3–1.3% เหลือ 0.0–1.0% โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ 0.5 และจะทบทวนอีกครั้งหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles