ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 76.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.6% ส่งผลหยุดราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 7 วันติดกันรวม +5.59 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +7.43% ทำสถิติราคาปรับขึ้นยาวนานในรอบ 4 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่กันยายน 2023
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 81.60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.17 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.4% ย้อนไปในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งปิดขึ้น +6% หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีราคารายสัปดาห์ลดลงถึง -7%
สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากถึง 12 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ที่จะเพิ่มขึ้นเพียง 2.6 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ กำลังการกลั่นน้ำมันลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี 1 เดือน หรือตั้งแต่ธันวาคม 2022 ในขณะที่ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ สภาผู้แทนราษฎร จากพรรครีพลับลิกัน เปิดเผยว่า มีภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติอย่างจริงจัง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งทะยานสูงขึ้นในรอบ 3 เดือน
ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดปี 2023 พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลงกว่า -10% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดรายปีลดลงในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา สำหรับในปี 2022 นั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิด +7% สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิด +10%