ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่าราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,853.83 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -28.33 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.4% หยุดทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 5 วันต่อเนื่อง และส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 5 วันติดกันรวม +112.18 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +4.3% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นอกจากนี้ ราคาทองคำปิดเป็นประวัติศาสตร์ 5 ครั้งในปี 2025 ซึ่งเกิดขึ้น 2 ครั้งในเดือนมกราคมเมื่อวันที่ 30 และวันที่ 31 ในเดือนกุมภาพันธ์เกิดขึ้น 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 3, 4 และ 5 ต่อเนื่อง โดยครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 2,882.16 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 2,877.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -15.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.5% หยุดทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 3 วันติดกัน และส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 3 วันติดกันรวม +47.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +2.1% นอกจากนี้ ราคาปิดทองคำล่วงหน้าสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้น 3 ครั้งในปีนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2025 ราคาทองคำปิดที่ 2,845.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ยังเป็นการทำสถิติราคาปิดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของปี 2025 และครั้งเดียวในเดือนมกราคมด้วย สำหรับครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์อยู่ที่ระดับ 2,893.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ในสัปดาห์ผ่านไปราคาทองคำปิดขึ้น +1.0% นับเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันที่ราคาทองคำรายสัปดาห์ปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จบเดือนมกราคม ราคาทองคำปิดสูงขึ้นถึง 7% ทำสถิติราคาทองคำรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 10 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่มีนาคม 2024
สาเหตุจากนักลงทุนทำกำไรช่วงสั้นหลังจากราคาทองคำเพิ่มขึ้น 5 วันติดต่อกัน ในทางเทคนิคที่สะท้อนจากดัชนีความแข็งแกร่งเปรียบเทียบราคาทองคำ หรือ RSI พบว่าพุ่งขึ้นเกินระดับ 70% ซึ่งถือว่าเป็นภาวะลงทุนซื้อทองคำเกินปัจจัยพื้นฐานมากเกินไป ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้น ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมกราคมที่จะประกาศในคืนวันนี้ ซึ่งมองว่าจะเพิ่มขึ้น 150,000 คน ขณะที่อัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1%