นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีอัตรา เงินเฟ้อ ทั้งปี 2567 อยู่ที่ 0.40% ว่า มีความกังวล เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่น่าพึงพอใจ เนื่องจากยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ที่ 1-3% ค่อนข้างมาก
อีกทั้งมองว่ากระทรวงการคลัง และ ธปท. จำเป็นจะต้องทำงานร่วมกันให้มากขึ้น ในเรื่องของตัวเลขเงินเฟ้อ แม้ก่อนหน้านี้ ในการหารือระหว่างนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. จะมีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาแล้วว่ากรอบเงินเฟ้อในปี 2568 จะอยู่ที่ 1-3% แต่นอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว สิ่งที่ต้องพยายามผลักดัน คือ ทำให้อัตราเงินเฟ้อในปี 2568 เข้าสู่ค่ากลางที่ 2% ตามที่ตกลงกันให้ได้ ดังนั้นการที่จะบอกว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 1% กว่า ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นระดับที่น่าพึงพอใจแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้จากที่เคยได้รับสัญญาณมาจาก ธปท.กับเหตุผลที่จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ว่าในที่สุดแล้วอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ในช่วงสิ้นปี 2567 แต่ผลออกก็ออกมาชัดเจน เหมือนที่กระทรวงการคลังได้เคยพูดไปก่อนหน้านั้นแล้วว่า อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ และต่ำกว่ากรอบเป้าหมายค่อนข้างเยอะ โอกาสที่เงินเฟ้อจะเข้าถึงกรอบเป้าหมาย แทบจะไม่มีเลย ถ้าไม่ทำอะไร ซึ่งตัวเลขจริงก็ออกมายืนยันแล้วที่ 0.40%
ขณะที่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมานั้น ยืนยันว่าเกิดประโยชน์เป็นอย่างมาก สะท้อนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และรายได้ของประชาชน แต่เรื่องอัตราเงินเฟ้อ ก็ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะต้องพิจารณาควบคู่ไปด้วย เพราะเงินเฟ้อเกี่ยวข้องและกระทบกับหลายภาคส่วน ซึ่งเงินเฟ้อสะท้อนตรงไปที่นโยบายการเงิน ที่อาจจะต้องมาพิจารณาปรับ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม